พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน, การนำสืบข้อตกลงเพิ่มเติม, การผิดสัญญา, การคืนเงิน
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งผู้จะขายจะต้องสร้างบ้านให้เสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้านในวันที่ผู้จะซื้อชำระเงินงวดสุดท้าย และตามปกติจะต้องมีกำหนดเวลาการสร้างบ้านให้แล้วเสร็จไว้ในสัญญาด้วย เมื่อในสัญญามิได้กำหนดระยะเวลาการปลูกสร้างบ้านให้แล้วเสร็จไว้ผู้จะซื้อย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ว่าผู้จะขายได้กำหนดระยะเวลาไว้โดยตกลงกันด้วยวาจาเพราะมิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารสัญญา แต่เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงต่างหากจากสัญญาจะซื้อขายเพื่อให้ชัดเจนและเพื่อให้คู่สัญญาปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินกำหนดชำระเงินไว้เป็นงวด ๆ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินให้ผู้จะขายแล้วบางส่วน แม้จะไม่ ครบถ้วนและไม่ตรงตามกำหนดเวลาตามสัญญาแต่ผู้จะขายก็รับเงินและออกใบเสร็จรับเงินให้ ถือได้ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาการชำระเงินและจำนวนเงินที่ ชำระกันตามสัญญาเป็นสาระสำคัญผู้จะซื้อจึงยังมิใช่ผู้ผิดสัญญา
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินกำหนดชำระเงินไว้เป็นงวด ๆ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินให้ผู้จะขายแล้วบางส่วน แม้จะไม่ ครบถ้วนและไม่ตรงตามกำหนดเวลาตามสัญญาแต่ผู้จะขายก็รับเงินและออกใบเสร็จรับเงินให้ ถือได้ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาการชำระเงินและจำนวนเงินที่ ชำระกันตามสัญญาเป็นสาระสำคัญผู้จะซื้อจึงยังมิใช่ผู้ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน การนำสืบข้อตกลงเพิ่มเติม และการผิดสัญญา
สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งผู้จะขายจะต้องสร้างบ้านให้เสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้านในวันที่ผู้จะซื้อชำระเงินงวดสุดท้าย และตามปกติจะต้องมีกำหนดเวลาการสร้างบ้านให้แล้วเสร็จไว้ในสัญญาด้วยเมื่อในสัญญามิได้กำหนดระยะเวลาการปลูกสร้างบ้านให้แล้วเสร็จไว้.ผู้จะซื้อย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ว่าผู้จะขายได้กำหนดระยะเวลาไว้โดยตกลงกันด้วยวาจาเพราะมิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารสัญญาแต่เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงต่างหากจากสัญญาจะซื้อขายเพื่อให้ชัดเจนและเพื่อให้คู่สัญญาปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 สัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินกำหนดชำระเงินไว้เป็นงวดๆ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินให้ผู้จะขายแล้วบางส่วน แม้จะไม่ ครบถ้วนและไม่ตรงตามกำหนดเวลาตามสัญญาแต่ผู้จะขายก็รับ เงินและออกใบเสร็จรับเงิน ให้ ถือได้ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาการชำระเงินและจำนวนเงินที่ ชำระกันตามสัญญาเป็นสาระสำคัญผู้จะซื้อจึงยังมิใช่ ผู้ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ การนำสืบข้อตกลงไม่มีเอกสารเป็นโมฆะ
สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นเป็นโมฆะ จำเลยจะนำสืบว่ามีการเช่าซื้อโดยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาแสดงหาได้ไม่ เมื่อบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคงระบุอ้างพยานบุคคลเพิ่มเติม เพียง 2 ปาก ถึงแม้จะอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะจำเลยมิได้อ้างเอกสารสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานเลย ดังนี้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ หากไม่มีเอกสารสัญญาสัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะ การนำสืบจึงทำไม่ได้
สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นเป็นโมฆะ จำเลยจะนำสืบว่ามีการเช่าซื้อโดยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาแสดงหาได้ไม่ เมื่อบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคงระบุอ้างพยานบุคคลเพิ่มเติม เพียง 2 ปาก ถึงแม้จะอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะ จำเลยมิได้อ้างเอกสารสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานเลย ดังนี้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจเพียงพอต่อการทำสัญญาเช่าซื้อแทน, สัญญาเช่าซื้อมีผลเมื่อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ว.ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์แทนโจทก์ ว.ย่อมมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุในสัญญาเช่าซื้ออีกว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ว.กระทำการแทนโจทก์
การนำสืบว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ว.เป็นตัวแทนมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร โจทก์มีสิทธินำสืบได้
เมื่อผู้เช่าซื้อได้ใช้เงินค่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อโดยผลของกฎหมายแม้สัญญาเช่าซื้อจะมิได้ระบุข้อความดังกล่าวไว้ก็หาขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ไม่
การนำสืบว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ว.เป็นตัวแทนมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร โจทก์มีสิทธินำสืบได้
เมื่อผู้เช่าซื้อได้ใช้เงินค่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อโดยผลของกฎหมายแม้สัญญาเช่าซื้อจะมิได้ระบุข้อความดังกล่าวไว้ก็หาขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องและการลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ โดยมีหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน เอกสารที่กฎหมายต้องการคือสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ซึ่งโจทก์ได้แนบสำเนาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้องแล้ว ส่วนปัญหาว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ล.เป็นตัวแทนลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ เป็นรายละเอียดซึ่งโจทก์มีสิทธินำสืบในชั้นพิจารณาได้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าได้มอบอำนาจให้ ล. เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้แนบสำเนาหนังสือมอบอำนาจมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อทำหนังสือมอบอำนาจให้ ล.ลงนามในสัญญาเซ่าซื้อแทนโจทก์ สัญญาเช่าซื้อก็ระบุว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ล.ย่อมมีอำนาจลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าซื้อและประทับตราของโจทก์กระทำการแทนโจทก์ได้แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะไม่ได้ระบุว่า ล.กระทำการแทนโจทก์ โจทก์ก็นำสืบถึงความข้อนี้ได้เพราะเป็นการสำสืบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวการกับตัวแทนว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อทำหนังสือมอบอำนาจให้ ล.ลงนามในสัญญาเซ่าซื้อแทนโจทก์ สัญญาเช่าซื้อก็ระบุว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ล.ย่อมมีอำนาจลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าซื้อและประทับตราของโจทก์กระทำการแทนโจทก์ได้แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะไม่ได้ระบุว่า ล.กระทำการแทนโจทก์ โจทก์ก็นำสืบถึงความข้อนี้ได้เพราะเป็นการสำสืบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวการกับตัวแทนว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธความถูกต้องของลายมือชื่อในสัญญากู้ และผลต่อความสมบูรณ์ของหนี้
จำเลยให้การว่าลายเซ็นในสัญญากู้ไม่ใช่ของจำเลย สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม คำให้การดังนี้เป็นการปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญากู้และอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริงหรือไม่ เมื่อจำเลยนำสืบและคดีฟังได้ว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นของจำเลยแต่จำเลยมิได้เขียนข้อความในสัญญากู้ เท่ากับสัญญากู้ไม่ถูกต้อง หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงดังฟ้อง กรณีจึงหาเป็นการนำสืบและรับฟังนอกประเด็นไปจากข้อต่อสู้ในคำให้การไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีโดยปฏิเสธความถูกต้องของเอกสารสัญญากู้ และการนำสืบข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับคำให้การเดิม แม้จะมีการยอมรับลายเซ็น
จำเลยให้การว่าลายเซ็นในสัญญากู้ไม่ใช่ของจำเลยสัญญากู้เป็นเอกสารปลอม คำให้การดังนี้เป็นการปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญากู้และอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริงหรือไม่ เมื่อจำเลยนำสืบและคดีฟังได้ว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นของจำเลยแต่จำเลยมิได้เขียนข้อความในสัญญากู้เท่ากับสัญญากู้ไม่ถูกต้อง หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงดังฟ้อง กรณีจึงหา เป็นการนำสืบและรับฟังนอกประเด็นไปจากข้อต่อสู้ในคำให้การ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานบุคคลในคดีสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่สมบูรณ์ การอ้างเหตุพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ 60,000 บาท แต่จำเลยให้การว่ากู้เพียง 30,000 บาท แต่ทำสัญญากู้ดังกล่าวเพราะโจทก์ต้องการจะผูกมัดจำเลยให้เลี้ยงดูน้องสาวโจทก์เป็นการกล่าวอ้างว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ส่งมอบเงินให้จำเลยไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามข้อยกเว้นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์เมื่อไม่มีการส่งมอบเงิน ผู้กู้มีสิทธิโต้แย้งและนำสืบได้
การกู้ยืมเงินเข้าลักษณะยืมใช้สิ้นเปลือง ย่อมบริบูรณ์ต่อ เมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม จำเลยย่อมนำสืบได้ว่าจำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ อันเป็นการนำสืบว่าจำเลยมิได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์ ซึ่งเป็นเหตุให้สัญญากู้ไม่บริบูรณ์ ทั้งไม่มีมูลหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลย ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94