คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 94

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1693/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะเช่าที่ดินสร้างสถานีบริการน้ำมัน: สัญญาไม่สมบูรณ์บังคับไม่ได้เมื่อเงื่อนไขไม่สัมฤทธิ์ผล
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์มีสิทธิเช่าที่ดินของจำเลยเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน โดยให้โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าเมื่อใดก็ได้ภายในหกเดือน และในกรณีที่ยังไม่ทราบผลว่าจะได้รับอนุญาตให้ตั้งได้หรือไม่ จำเลยยอมต่ออายุสัญญาให้อีกจนกว่าจะทราบผล โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าตกลงเช่ากันแล้ว จะเช่ามีกำหนดยี่สิบปี ค่าเช่าเดือนละ สองพันบาท และโจทก์ต้องให้ค่าหน้าดินตามจำนวนที่กำหนดด้วย สัญญานี้เป็นเพียงสัญญาหรือข้อตกลงจะให้เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเท่านั้น เพราะเมื่อจะบังคับกันตามสัญญานี้ จะต้องมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่อีกชั้นหนึ่ง โดยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญานี้มิใช่สัญญาเช่าจึงไม่ถูกบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ
แม้สัญญาหรือข้อตกลงจะให้เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน จะได้ทำเป็นหนังสือ และไม่ปรากฏชัดว่าตกลงเช่าที่ดินเพื่อตั้งสถานีบริการจำหน่าย น้ำมันของบริษัทใด จำเลยก็มีสิทธินำสืบว่า เป็นสัญญาหรือข้อตกลงที่จะตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด โดยเฉพาะได้
แม้สัญญาจะให้เช่าที่ดินจะมีเงื่อนไขว่า จำเลยยินยอมต่อสัญญาให้โจทก์อีกจนกว่าจะทราบคำสั่งจากทางราชการว่า จะอนุญาตให้ตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทยจำกัด ได้หรือไม่ แต่เมื่อบริษัทดังกล่าวบอกปัดข้อเสนอของโจทก์ที่จะให้บริษัทเช่าที่ดินเพื่อตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน ย่อมไม่มีทางที่ โจทก์จะบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงได้เพราะเงื่อนไขนั้นไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลเสียแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1693/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะเช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการน้ำมัน: สิทธิและข้อจำกัดเมื่อเงื่อนไขไม่สมบูรณ์
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์มีสิทธิเช่าที่ดินของจำเลยเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน โดยให้โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าเมื่อใดก็ได้ภายในหกเดือน และในกรณีที่ยังไม่ทราบผลว่าจะได้รับอนุญาตให้ตั้งได้หรือไม่ จำเลยยอมต่ออายุสัญญาให้อีกจนกว่าจะทราบผล โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าตกลงเช่ากันแล้ว จะเช่ามีกำหนดยี่สิบปี ค่าเช่าเดือนละ สองพันบาท และโจทก์ต้องให้ค่าหน้าดินตามจำนวนที่กำหนดด้วย สัญญานี้เป็นเพียงสัญญาหรือข้อตกลงจะให้เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเท่านั้น เพราะเมื่อจะบังคับกันตามสัญญานี้ จะต้องมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่อีกชั้นหนึ่ง โดยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญานี้มิใช่สัญญาเช่าจึงไม่ถูกบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ
แม้สัญญาหรือข้อตกลงจะให้เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน จะได้ทำเป็นหนังสือ และ ไม่ปรากฏชัดว่าตกลงเช่าที่ดินเพื่อตั้งสถานีบริการจำหน่าย น้ำมันของบริษัทใด จำเลยก็มีสิทธินำสืบว่า เป็นสัญญา หรือข้อตกลงที่จะตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด โดยเฉพาะได้
แม้สัญญาจะให้เช่าที่ดินจะมีเงื่อนไขว่า จำเลยยินยอมต่อสัญญาให้โจทก์อีกจนกว่าจะทราบคำสั่งจากทางราชการว่า จะอนุญาตให้ตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ดประเทศไทยจำกัด ได้หรือไม่ แต่เมื่อบริษัทดังกล่าวบอกปัดข้อเสนอของโจทก์ที่จะให้บริษัทเช่าที่ดินเพื่อตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน ย่อมไม่มีทางที่ โจทก์จะบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงได้ เพราะเงื่อนไขนั้นไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลเสียแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัยและการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด โดยการนำสืบพยานยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์ไว้ตาม สำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง จำเลยให้การว่ารถยนต์คันนี้ จะได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรองมีความหมายว่าจำเลยไม่รับรองว่ามีการประกันภัยรถยนต์ แต่จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย
การนำสืบพยานบุคคลยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่ามีการประกันภัยตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง ไม่ใช่เป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร และเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของสำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง แม้โจทก์ไม่ส่งต้นฉบับเอกสารก็รับฟังในข้อนี้ได้ เมื่อฟังว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยและได้เสียค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่เอาประกันภัยแล้ว โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยย่อมมีอำนาจฟ้องผู้กระทำละเมิดต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องถึงความเสียหายของรถยนต์ว่า โจทก์ต้องซ่อมแซมมีรายละเอียดของสิ่งของและราคาสิ่งของที่ต้องซ่อมแซมตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องถือว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง และได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสถานแห่งข้อหาว่ารถยนต์มีชิ้นส่วนอะไรบ้างที่เสียหายราคาเท่าใด เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทางสาธารณะ/ภารจำยอมไม่เคลือบคลุม การนำสืบพยานบุคคลประกอบข้อเท็จจริงได้ แม้เอกสารไม่ตรง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แต่ตอนท้ายคำฟ้องบรรยายว่า หรือไม่เช่นนั้นทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความแล้วนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
การนำสืบเขตติดต่อที่ดินที่มีโฉนด ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงย่อมนำสืบพยานบุคคลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ด้านหนึ่งติดที่ดินโฉนดของจำเลย ครั้นนำสืบกลับนำสืบว่าที่ดินของโจทก์ติดทางสาธารณะซึ่งเป็นการนำสืบในประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าที่ดินของจำเลยซึ่งติดกับที่ดินโจทก์ตามฟ้องตกเป็นทางสาธารณะหรือตกอยู่ในภารจำยอมไปแล้ว หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) ไม่
โจทก์ฟ้องหรือนำพยานเข้าสืบโดยพยานจะเรียกทางพิพาทว่าเป็นทางสาธารณะหรือทางภารจำยอมนั้น หาทำให้ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือภารจำยอมตามที่เรียกขานไม่ หากฟังได้ว่าเป็นทางภารจำยอม ศาลย่อมจะพิพากษาได้ว่าทางพิพาทเป็นทางตกอยู่ในภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การแก้ไขสัญญาและการนำสืบข้อตกลงเพิ่มเติม โดยตัวแทนของผู้ขาย
ตัวแทนของผู้ขายได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไว้กับผู้ซื้อฉบับหนึ่ง ระบุว่าผู้ขายได้รับค่าที่ดินแล้ว ต่อมาผู้ซื้อทำหนังสือสัญญาให้ตัวแทนผู้ขายอีกฉบับหนึ่งความว่า ผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระค่าที่ดิน จะชำระให้ตามวันซึ่งกำหนดไว้ในหนังสือสัญญาฉบับหลังนี้ ประกอบกับผู้ขายได้ตั้งประเด็นไว้ในคำฟ้องว่า ผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระราคาที่ดิน ดังนี้ ผู้ขายมีสิทธิที่จะนำสืบถึงข้อตกลงในหนังสือสัญญาฉบับหลังได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพาณิชย์มาตรา 94
สัญญาฉบับหลังดังกล่าวนี้ถือได้ว่าตัวแทนทำในฐานะตัวแทนของผู้ขาย ถึงแม้ต่อมาตัวแทนถึงแก่กรรม ก็ไม่เป็นเหตุให้สัญญาสิ้นสุดลง หนังสือสัญญาฉบับหลังนี้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ หรือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญากู้ยืมเงินที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงจริง การต่อสู้หักล้างเอกสารต้องมีเหตุผลชัดเจน
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยให้การต่อสู้ว่าต้นเงินกู้จำนวนตามฟ้องนั้นเป็นเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินที่โจทก์วางไว้กับจำเลยตามสัญญาซื้อขายที่ดิน
แต่เนื่องจากขณะทำสัญญาไม่มีแบบพิมพ์สัญญาซื้อขาย จึงเอาแบบพิมพ์สัญญากู้มากรอกข้อความแทน เช่นนี้ เป็นการต่อสู้เพื่อนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญากู้ มิใช่เพื่อนำสืบหักล้างเอกสารสัญญากู้อันจะเข้าข้อยกเว้นให้นำสืบพยานบุคคลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้แก่โจทก์ดังกล่าว จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ลอยๆ ว่าตนเป็นเพียงผู้รับรองต่อโจทก์ว่าจะเป็นผู้จัดให้มีการซื้อขายที่ดินกันให้สำเร็จเรียบร้อยเท่านั้น มิได้แสดงเหตุที่จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ไว้แต่อย่างใด เช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระเงินล่วงหน้า vs. เงินมัดจำ: การตีความสัญญาซื้อขายจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
สัญญาซื้อขายมีข้อความเกี่ยวกับการชำระเงินว่า ผู้ซื้อได้ชำระเงินในวันทำสัญญา 40,000 บาท ไม่ชัดแจ้งว่าเป็นเงินมัดจำหรือเงินที่ชำระราคาของล่วงหน้า ศาลย่อมฟังคำพยานบุคคลประกอบการแปลสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาซื้อขาย: เงินชำระล่วงหน้า vs. เงินมัดจำ ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และข้อสัญญา
สัญญาซื้อขาย มีข้อความเกี่ยวกับการชำระเงินว่า ผู้ซื้อได้ชำระเงินในวันทำสัญญา 40,000 บาท ไม่ชัดแจ้งว่าเป็นเงินมัดจำหรือเงินที่ชำระราคาของล่วงหน้า ศาลย่อมฟังคำพยานบุคคลประกอบการแปลสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ขาดเบื้องต้นสัญญาประนีประนอม และการสืบพยานเพื่ออธิบายเอกสารสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทำไว้กับโจทก์นอกศาล เนื่องจากจำเลยฟ้องบังคับจำนองเอาแก่สามีโจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธ แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า สัญญานั้นสมบูรณ์ มีผลบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยต้องชำระเงินให้โจทก์ตามสัญญาเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความในสัญญายังไม่ชัดเจนพอ ยังมีข้อเท็จจริงที่ยังฟังเป็นยุติไม่ได้อยู่อีก ไม่สมควรที่ศาลชั้นต้นจะด่วนวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น จึงย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนี้ เท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกเลิกคำร้องขอให้ชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเสียแล้ว เพราะยังชี้ขาดไม่ได้จำเลยจะค้านว่าจำเลยขอให้ศาลชี้ขาดสัญญาที่พิพาท ศาลก็จะต้องพิจารณาแต่เฉพาะข้อความที่ปรากฏในสัญญาเท่านั้น หาถูกต้องไม่
การนำสืบพยานเพื่ออธิบายข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งยังไม่ชัดเจนพอนั้น ไม่ถือว่าเป็นการนำสืบเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ขาดเบื้องต้นสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลสืบพยานได้หากข้อความไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทำไว้กับโจทก์นอกศาล เนื่องจากจำเลยฟ้องบังคับจำนองเอาแก่สามีโจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธ แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นว่าสัญญานั้นสมบูรณ์ มีผลบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งจำเลยต้องชำระเงินให้โจทก์ตามสัญญาเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความในสัญญายังไม่ชัดเจนพอ ยังมีข้อเท็จจริงที่ยังฟังเป็นยุติไม่ได้อยู่อีก ไม่สมควรที่ศาลชั้นต้นจะด่วนวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น จึงย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนี้ เท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกเลิกคำร้องขอให้ชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเสียแล้ว เพราะยังชี้ขาดไม่ได้จำเลยจะค้านว่าจำเลยขอให้ศาลชี้ขาดสัญญาที่พิพาท ศาลก็จะต้องพิจารณาแต่เฉพาะข้อความที่ปรากฏในสัญญาเท่านั้น หาถูกต้องไม่
การนำสืบพยานเพื่ออธิบายข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งยังไม่ชัดเจนพอนั้น ไม่ถือว่าเป็นการนำสืบเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
of 110