คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 94

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหักล้างความไม่สมบูรณ์ของสัญญากู้ และการพิสูจน์จำนวนเงินกู้จริง
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้จำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การต่อสู้ว่าความจริงโจทก์ให้จำเลยกู้ไปเพียง1,000 บาท แต่โจทก์หลอกลวงให้จำเลยทำสัญญากู้กับโจทก์ไว้ 20,000 บาท เพื่อให้โจทก์ยึดถือไว้แทนเงินกู้ 1,000 บาท โดยโจทก์จะไม่นำสัญญากู้นี้ไปใช้สิทธิเรียกร้องใด ๆ ดังนี้ เป็นการนำสืบถึงความไม่สมบูรณ์ของสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีโดยอ้างความไม่สมบูรณ์ของสัญญา และการนำสืบเพื่อพิสูจน์จำนวนเงินกู้จริง
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้จำนวน 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การต่อสู้ว่าความจริงโจทก์ให้จำเลยกู้ไปเพียง 1,000 บาท แต่โจทก์หลอกลวงให้จำเลยทำสัญญากู้กับโจทก์ไว้ 20,000 บาท เพื่อให้โจทก์ยึดถือไว้แทนเงินกู้ 1,000 บาท โดยโจทก์จะไม่นำสัญญากู้นี้ไปใช้สิทธิเรียกร้องใด ๆ ดังนี้ เป็นการนำสืบถึงความไม่สมบูรณ์ของสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์: การพิสูจน์ข้อเท็จจริงนอกเหนือจากสัญญา และความรับผิดของผู้อยู่อาศัยโดยละเมิด
ตามหนังสือสัญญาเช่าตึกพิพาท ปรากฏว่าผู้เช่าคือจำเลยที่ 1 เท่านั้นและค่าเช่าเพียงเดือนละ 60 บาท โจทก์ผู้ให้เช่าจะนำสืบว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าด้วย และค่าเช่าเดือนละ 445.42 บาท ดังนี้ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ครบกำหนดสัญญาเช่าตึกและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยที่ 1ผู้เช่าไม่ส่งมอบตึกและจำเลยที่ 2 ทำการค้าอยู่ในตึกพิพาทต่อมา การอยู่ต่อมาของจำเลยที่ 2 เป็นการอยู่โดยละเมิดจริงดังฟ้อง แม้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าด้วยแต่ศาลฟังว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าแต่ผู้เดียว ดังนี้ ก็ต้องพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 2 ด้วย และให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหาย กับร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์: การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา, การอยู่โดยละเมิด, และความรับผิดของบุคคลที่ไม่ใช่คู่สัญญา
ตามหนังสือสัญญาเช่าตึกพิพาท ปรากฏว่าผู้เช่าคือจำเลยที่ 1 เท่านั้น และค่าเช่าเพียงเดือนละ 60 บาท โจทก์ผู้ให้เช่าจะนำสืบว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าด้วย และค่าเช่าเดือนละ 445.42 บาท ดังนี้ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ครบกำหนดสัญญาเช่าตึกและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยที่ 1 ผู้เช่าไม่ส่งมอบตึกและจำเลยที่ 2 ทำการค้าอยู่ในตึกพิพาทต่อมาการอยู่ต่อมาของจำเลยที่ 2 เป็นการอยู่โดยละเมิดจริงดังฟ้อง แม้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าด้วยแต่ศาลฟังว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าแต่ผู้เดียว ดังนี้ ก็ต้องพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 2 ด้วย และให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหาย กับร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เพื่อค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องเกิดจากสัญญากู้จริงเท่านั้น ไม่ใช่สัญญากู้ค้ำประกันที่ไม่มีการรับเงิน
โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน 500 บาท โดยให้จำเลยเขียนสัญญากู้ 500 บาทฉบับหนึ่ง แล้วให้เขียนสัญญากู้อีกฉบับหนึ่งว่าจำเลยกู้ 20,000 บาท คือฉบับหมาย จ.1 เพื่อค้ำประกันสัญญากู้ฉบับแรกดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำสัญญากู้หมาย จ.1 มาเป็นมูลฟ้องให้จำเลยต้องรับผิดเพราะโจทก์กับจำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกันตามสัญญากู้หมาย จ.1 และโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาเรียกร้องตามสัญญากู้หมาย จ.1 เลยการที่จำเลยนำสืบว่า ไม่ได้รับเงิน 20,000 บาทตามสัญญากู้หมาย จ.1. เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญากู้หมาย จ.1 ว่ามีอยู่อย่างไร และเป็นการนำสืบว่า มูลหนี้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินโจทก์นั้นหามีไม่ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (อ้างฎีกาที่ 781/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงินเพื่อค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องเกิดจากสัญญากู้หลัก ไม่ใช่สัญญากู้ค้ำประกัน
โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน 500 บาท โดยให้จำเลยเขียนสัญญากู้ 500 บาทฉบับหนึ่ง แล้วให้เขียนสัญญากู้อีกฉบับหนึ่งว่าจำเลยกู้ 20,000 บาท คือฉบับหมาย จ.1 เพื่อค้ำประกันสัญญากู้ฉบับแรกดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำสัญญากู้หมาย จ.1 มาเป็นมูลฟ้องให้จำเลยต้องรับผิด เพราะโจทก์กับจำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกันตามสัญญากู้หมาย จ.1 และโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาเรียกร้องตามสัญญากู้หมาย จ.1 เลยการที่จำเลยนำสืบว่าไม่ได้รับเงิน 20,000 บาทตามสัญญากู้หมาย จ.1. เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญากู้หมาย จ.1ว่ามีอยู่อย่างไร และเป็นการนำสืบว่า มูลหนี้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินโจทก์นั้นหามีไม่ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (อ้างฎีกาที่ 781/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การตีความข้อตกลงเรื่องค่าไถ่จำนองและหลักฐานสัญญาเดิม
โจทก์อ้างว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ในราคาไร่ละ 600 บาท ตามเอกสาร จ. 1 จำเลยต่อสู้ว่าก่อนที่จะทำเอกสาร จ. 1 โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายกันไว้ฉบับหนึ่งมีความว่าจะซื้อขายกันในราคาไร่ละ 600 บาท โดยผู้ซื้อจะต้องออกเงินไถ่จำนองที่ดินรายนี้ด้วย โจทก์เป็นผู้รักษาสัญญาฉบับนั้นไว้และบอกว่าหายไปเสียแล้วเมื่อฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้ และฟังว่าเอกสาร จ. 1 เป็นเพียงใบรับเงินมัดจำแล้ว ข้อนำสืบของจำเลยถึงข้อความในสัญญาเดิมย่อมไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะใบรับเงินมัดจำมิได้เป็นเอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายไถ่จำนอง และผลกระทบต่อการบังคับคดี
โจทก์อ้างว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ในราคาไร่ละ 600 บาท ตามเอกสาร จ.1 จำเลยต่อสู้ว่าก่อนที่จะทำเอกสาร จ.1โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายกันไว้ฉบับหนึ่งมีความว่าจะซื้อขายกันในราคาไร่ละ 600 บาท โดยผู้ซื้อจะต้องออกเงินไถ่จำนองที่ดินรายนี้ด้วยโจทก์เป็นผู้รักษาสัญญาฉบับนั้นไว้และบอกว่าหายไปเสียแล้วเมื่อฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้และฟังว่าเอกสาร จ.1 เป็นเพียงใบรับเงินมัดจำแล้วข้อนำสืบของจำเลยถึงข้อความในสัญญาเดิมย่อมไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะใบรับเงินมัดจำมิได้เป็นเอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าที่ดินขายฝากเป็นสิทธิแยกต่างหากจากสินไถ่ โจทก์มีสิทธิพิสูจน์ข้อตกลงได้โดยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 94
ข้อตกลงของคู่สัญญาขายฝากเกี่ยวกับค่าเช่าทรัพย์สินที่ขายฝากถ้ามิได้จดแจ้งลงไว้ในสัญญาขายฝากเป็นอย่างอื่น คู่สัญญาย่อมมีสิทธินำสืบพยานบุคคลถึงข้อตกลงในเรื่องนี้ได้ เพราะค่าเช่าซึ่งเป็นดอกผลของทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นเงินต่างก้อนกับสินไถ่ซึ่งเป็นราคาไถ่ถอนที่ดินขายฝาก การนำสืบถึงข้อตกลงเกี่ยวกับค่าเช่าระหว่างกำหนดเวลาขายฝาก จึงไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาขายฝากอันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าทรัพย์ขายฝากเป็นสิทธิแยกต่างหากจากค่าไถ่ การนำสืบข้อตกลงเรื่องค่าเช่าไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญา
ข้อตกลงของคู่สัญญาขายฝากเกี่ยวกับค่าเช่าทรัพย์สินที่ขายฝาก ถ้ามิได้จดแจ้งลงไว้ในสัญญาขายฝากเป็นอย่างอื่น คู่สัญญาย่อมมีสิทธินำสืบพยานบุคคลถึงข้อตกลงในเรื่องนี้ได้ เพราะค่าเช่าซึ่งเป็นดอกผลของทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นเงินต่างก้อนกับสินไถ่ซึ่งเป็นราคาไถ่ถอนที่ดินขายฝาก การนำสืบถึงข้อตกลงเกี่ยวกับค่าเช่าระหว่างกำหนดเวลาขายฝาก จึงไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาขายฝากอันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
of 110