คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 289 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสถาน-ที่รโหฐาน: สถานที่ค้าประเวณีเป็นสาธารณสถาน เจ้าพนักงานมีอำนาจค้นจับ
สถานที่ใดจะเป็นสาธารณสถานหรือไม่ ไม่ต้องคำนึงว่าสถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ผิดกฎหมาย เช่นสถานการค้าประเวณีหรือไม่เพียงแต่พิจารณาว่าสถานที่นั้นประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้หรือไม่และต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นราย ๆ ไป ถ้าประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ สถานที่นั้นก็เป็นสาธารณสถานไม่ใช่ที่รโหฐาน
ได้ความว่าเจ้าของสถานการค้าประเวณีหรือซ่องโสเภณีมิได้หวงห้ามผู้หนึ่งผู้ใดที่จะไปหาความสุขกับหญิงโสเภณี หรือไปธุระอื่นที่จะเข้าไปในห้องโถงซึ่งใช้เป็นที่รับแขกในสถานการค้าประเวณีหรือซ่องโสเภณีนั้นห้องโถงจึงเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้เป็นสาธารณสถานไม่ใช่ที่รโหฐาน พนักงานตำรวจมีอำนาจค้นและจับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93,78(3) จำเลยมีและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140, 289(2),80,52(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากอาวุธสงคราม: พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
การที่จำเลยกับพวกใช้ปืนอาร์ก้าซึ่งเป็นอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงและเป็นอาวุธสำหรับใช้แต่ในการสงคราม ยิงไปที่เจ้าพนักงานตำรวจขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยยิงหลายนัดในระยะห่างประมาณ 100 เมตรนั้น แสดงถึงเจตนาฆ่า เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะกระสุนไม่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำผิด
จำเลยร้องบอกให้ อ.ยิงผู้เสียหาย และร่วมกับ อ.ยิงผู้เสียหาย โดยเข้าไปดึงพานท้ายปืนของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนทำการป้องกันตัว โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพราะได้รับการรักษาทันท่วงที ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่แต่เพียงบทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และการครอบครองวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงประเด็นการลดโทษตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพลตำรวจออกปฏิบัติการตามแผนกวาดล้างโจรผู้ร้ายในฤดูแล้ง ระหว่างปฏิบัติการ ผู้บังคับกองพบจำเลยกำลังเมาสุราพกปืนยืนขวางถนนอยู่จึงดึงตัวขึ้นรถเพราะเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะไปก่อเหตุ วุ่นวายเดือดร้อน ระหว่างทางจำเลยเอาลูกระเบิดที่มีอยู่ถอดสลักนิรภัยโยนเข้าไปใต้ที่นั่งของผู้บังคับกองแล้วจำเลยกระโดดหนี ลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้บังคับกองกับพวกบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทง และเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การกระทำของผู้ตายไม่ขาดตอนและจำเลยไม่ได้ถูกทำร้ายขณะกระทำผิด จึงไม่เป็นบันดาลโทสะ
ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า จำเลยเป็นพลตำรวจ ผู้ตายเป็นผู้บังคับกองเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ผู้ตายได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยละเลยไม่ปฏิบัติกลับประพฤติผิดวินัย เมาสุราอาละวาดพกอาวุธปืนเถื่อนและขัดขืนคำสั่ง พูดจาท้าทายจะยิงกับผู้ตายต่อหน้าประชาชน ผู้ตายจึงตบหน้าจำเลยไป 1 ที แล้วนำตัวไปสถานีตำรวจระหว่างทางจำเลยยังทำร้ายและพูดจาก้าวร้าวท้าทายผู้ตายอีก เมื่อถึงสถานีตำรวจ ผู้ตายจึงชกและเตะจำเลยไปอย่างละที แล้วสั่งให้ขังจำเลยเป็นการลงทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ที่ผู้ตายในฐานะผู้บังคับบัญชากระทำได้ตามพระราชบัญญัติวินัยตำรวจ จำเลยกลับหนีไปบ้านพักเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่าจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นการฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) แม้ผู้ตายจะกระทำแก่จำเลยเกินเลยไปบ้าง การกระทำของผู้ตายก็ไม่ทำให้กลายเป็นไม่ใช่เจ้าพนักงานไปได้
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: เหตุบันดาลโทสะไม่สมเหตุผล
ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า จำเลยเป็นพลตำรวจ ผู้ตายเป็นผู้บังคับกองเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ผู้ตายได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยละเลยไม่ปฏิบัติกลับประพฤติผิดวินัย เมาสุราอาละวาด พกอาวุธปืนเถื่อนและขัดขืนคำสั่ง พูดจาท้าทายจะยิงกับผู้ตายต่อหน้าประชาชน ผู้ตายจึงตบหน้าจำเลยไป 1 ปี แล้วนำตัวไปสถานีตำรวจ ระหว่างทางจำเลยยังทำร้ายและพูดจาก้าวร้าวท้าทายผู้ตายอีก เมื่อถึงสถานีตำรวจ ผู้ตายจึงชกและเตะจำเลยไปอย่างละที แล้วสั่งให้ขังจำเลยเป็นการลงทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ที่ผู้ตายในฐานะผู้บังคับบัญชากระทำได้ตามพระราชบัญญัติวินัยตำรวจ จำเลยกลับหนีไปบ้านพักเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (2) แม้ผู้ตายจะกระทำแก่จำเลยเกินเลยไปบ้าง การกระทำของผู้ตายก็ไม่ทำให้กลายเป็นไม่ใช่เจ้าพนักงานไปได้
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม กรณีฆ่าเจ้าพนักงาน
พลตำรวจเข้าไปจับหญิงนครโสเภณี เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งนั่งคุยกันในห้องซึ่งเปิดประตูอยู่ เช่นนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่า หญิงคนนั้นกำลังกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิด หรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำผิดโดยมีเครื่องมืออาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว และจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 พลตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับหญิงนั้นโดยไม่มีหมายจับ กรณีเช่นนี้ ต้องให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อการจับกุมของพลตำรวจเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุนแล้ว การที่จำเลยฆ่าพลตำรวจผู้จับจึงไม่เรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนาฆ่าและความร้ายแรงของการกระทำ
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุมเป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตร ยาว 3/4 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตรต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตาย เช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตาย จำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้าย จำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 12 ปีโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วย กับศาลอุทธรณ์ ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้ายแต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไป ศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ลดโทษให้ 4 ปี คงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาจากขนาดบาดแผลและเหตุการณ์ขณะกระทำ
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุม เป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้นทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตรยาว3/4เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร ต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตายเช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตายจำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้ายจำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตาม มาตรา 78คงจำคุก 12 ปี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้าย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไปศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปีลดโทษให้ 4 ปีคงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายผู้ช่วยเหลือและผู้ใหญ่บ้านในที่รโหฐานตอนกลางคืน ความผิดฐานพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จำเลยได้ทำร้ายผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านโดยเจตนาฆ่าและทำร้ายผู้ใหญ่บ้านที่เข้าจับจำเลยในที่รโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอำนาจทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดซึ่งหน้าแต่ประการใดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าตาม มาตรา 288,80 และฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้กระทำการช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289,80 และฐานทำร้ายเจ้าพนักงานตาม มาตรา 296
of 4