คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 299

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีชุลมุนต่อสู้สำหรับผู้เยาว์และหญิง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยทำผิดฐานชุลมุนต่อสู้กันเป็นอันตรายสาหัสเมื่อจำเลยที่ 2 มีอายุเพียง 16 ปี และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็เป็นหญิงอายุ 17 และ 19 ปี แม้จะเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีนี้ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมชุลมุนต่อสู้และการพยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อมีการต่อสู้กัน และข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299
ตามปประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 นั้น บัญญัติเอาผิดแก่ผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้รับอันตรายถึงสาหัส เว้นแต่การเข้าไปห้ามหรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นตัวการทำให้เกิดอันตรายดังกล่าวนั้น ถ้าปรากฏว่าผู้ใดเป็นตัวการกระทำโดยลงมือกระทำเองก็ดี หรือใช้ให้เขากระทำก็ดี ผู้กระทำย่อมมีความผิดตามกรรมของตนอีกโสดหนึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมชุลมุนวิวาทและการพยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อมีการวิวาทเกิดขึ้น
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 นั้น บัญญัติเอาผิดแก่ผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้รับอันตรายถึงสาหัส เว้นแต่การเข้าไปห้ามหรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นตัวการทำให้เกิดอันตรายดังกล่าวนั้น ถ้าปรากฏว่าผู้ใดเป็นตัวการกระทำโดยลงมือกระทำเองก็ดี หรือใช้ให้เขากระทำก็ดี ผู้กระทำย่อมมีความผิดตามกรรมของตนอีกโสดหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทำร้ายร่างกายในการชุลมุนต่อสู้ หากไม่มีผู้เสียชีวิตหรือสาหัส แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 กับพวกอีกฝ่ายหนี่ง บังอาจสมัครใจเข้าใช้กำลังชกต่อยเตะถีบทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จนจำเลยที่ 3 กับที่ 5 บาดเจ็บ ดังนี้เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยคนใดทำร้ายใคร และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยแต่ละฝ่ายต่างร่วมกันมากระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องฐานทำร้ายร่างกายในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเมื่อไม่ปรากฎว่ามีบุคคลถึงตายหรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้กันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 294 หรือ 299 แล้วแม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องทำร้ายร่างกายในวิวาทชุลมุน ต้องระบุตัวผู้กระทำผิดชัดเจน หากไม่ปรากฏถึงการบาดเจ็บสาหัส ศาลลงโทษไม่ได้
บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง บังอาจสมัครใจเข้าใช้กำลังชกต่อยเตะถีบทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จนจำเลยที่ 3 กับที่ 5 บาดเจ็บ ดังนี้ เห็นได้ว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยคนใดทำร้ายใคร และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยแต่ละฝ่ายต่างร่วมกันมากระทำความผิดฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องฐานทำร้ายร่างกายในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเมื่อไม่ปรากฏว่ามีบุคคลถึงตายหรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้กันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 294 หรือ 299แล้ว แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในศาลเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสาระสำคัญเป็นองค์ความผิด หาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ส่งผลต่อการตัดสินคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสารสำคัญเป็นองค์ความผิดหาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องระงับเมื่อคดีเดียวกันถูกฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงฯ ศาลแขวงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ผู้เสียหายได้มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 297 อีก ดังนี้เมื่อกรณีเป็นเรื่องเดียวกันและวาระเดียวกันสิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,299 แม้มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาแต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำซ้อนในความผิดเดียวกัน สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ฯ ศาลแขวงลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา299 ผู้เสียหายได้มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 297 อีก ดังนี้ เมื่อกรณีเป็นเรื่องเดียวกัน และวาระเดียวกันสิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 29 (4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 299 แม้ มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ไม่เข้าข่ายสมัครใจวิวาท
จำเลยทั้งสองย้อนกลับมาที่ร้านขายเหล้าและอาหาร ต่อว่าเจ้าของร้านว่าทอนสตางค์ไม่ครบ จึงเกิดเถียงกันจำเลยที่ 1 ฉุดเจ้าของร้านออกไปนอกร้าน โดยมีจำเลยที่ 2 ดันหลัง แล้วจำเลยที่ 1 ต่อยเจ้าของร้านด้วยสนับมือที่พกมา จำเลยที่ 2 ก็แทงเจ้าของร้านในเวลาติดต่อกันไปแล้วจำเลยก็พากันหนีไปต่อมาไม่ช้าเจ้าของร้านก็ตาย ถือว่า จำเลยทั้งสองร่วมมือกันฆ่าเจ้าของร้านตายไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจวิวาท
of 9