พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือฆ่าผู้อื่น - ไม่เข้าข้อยกเว้นสมัครใจวิวาท
จำเลยทั้งสองย้อนกลับมาที่ร้านขายเหล้าและอาหาร ต่อว่าเจ้าของร้านว่าทอนสตางค์ไม่ครบ จึงเกิดเถียงกัน จำเลยที่ 1 ฉุดเจ้าของร้านออกไปนอกร้าน โดยมีจำเลยที่ 2 ดันหลัง แล้วจำเลยที่ 1 ต่อเจ้าของร้ายด้วยสนับมือที่พกมา จำเลยที่ 2 ก็แทงเจ้าของร้านในเวลาติดต่อกันไป แล้วจำเลยก็พากันหนีไป ต่อมาไม่ช้าเจ้าของร้านก็ตายถือว่า จำเลยทั้งสองร่วมมือกันฆ่าเจ้าของร้านตายไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครไปวิวาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องอาญา กรณีขาดรายละเอียดบาดเจ็บสาหัสตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยได้รับบาดเจ็บสาหัสดังปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องนี้ หาได้บรรยายว่าบาดเจ็บสาหัสอย่างไร และรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องก็ไม่เข้าเกณฑ์ อันตรายสาหัสตามมาตรา 297 ที่ว่ารักษาเกินกว่ายี่สิบวัน ดังนี้ เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 ข้อ 5.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ขาดรายละเอียดบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ข้อ 5
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยได้รับบาดเจ็บสาหัสดังปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องนี้ หาได้บรรยายว่าบาดเจ็บสาหัสอย่างไรและรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องก็ไม่เข้าเกณฑ์อันตรายสาหัสตามมาตรา 297 ที่ว่ารักษาเกินกว่ายี่สิบวันดังนี้ เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158ข้อ 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คู่วิวาททำร้ายกัน ไม่มีสิทธิฟ้องร้องลงโทษอีกฝ่าย
โจทก์จำเลยวิวาททำร้ายกันคู่วิวาทจะฟ้องให้ลงโทษอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คู่วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่อาจฟ้องร้องลงโทษอีกฝ่ายได้
โจทก์จำเลยวิวาททำร้ายกันคู่วิวาทจะฟ้องให้ลงโทษอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องความผิดสมคบชิงทรัพย์ ไม่จำต้องอ้าง ม.63 และไม่จำต้องระบุชื่อพวก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งที่ยังจับตัวไม่ได้สมคบกันชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษตาม ม.298, 299
ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว ไม่จะต้องอ้างบทมาตรา 63 เพราะได้อ้างมาตราที่บัญญัติว่าเป็นความผิดไว้แล้ว และไม่จำต้องระบุว่าพวกของจำเลยเป็นใคร.
ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว ไม่จะต้องอ้างบทมาตรา 63 เพราะได้อ้างมาตราที่บัญญัติว่าเป็นความผิดไว้แล้ว และไม่จำต้องระบุว่าพวกของจำเลยเป็นใคร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงขู่เข็ญด้วยอาวุธและการใช้กำลังเพื่อชิงทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
การที่จำเลยที่ยืนเอามือกุมด้ามปืนคุมเชิงอยู่และพูดว่าค้นเอาให้หมด ขณะที่จำเลยที่ 2 ค้นเอาเงินจากผู้เสียหายนั้น เป็นการแสดงขู่เข็ญแล้วทั้งจำเลยที่ 2 ยังกระชากมือผู้เสียหายซึ่งปิดกระเป๋าไว้เพื่อสะดวกในการล้วงเอาเงิน เป็นการใช้กำลังทำร้ายย่อมเข้าลักษณะชิงทรัพย์ตาม ก.ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความรุนแรงด้วยอาวุธมีคมจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ถือเป็นการฆ่าโดยเจตนา
จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุแล้วใช้มีด เฉพาะตัวมีดยาวเกือบคืบแทงผู้ตายถูที่น่าท้อง ลำไส้ออกมาจุกปากแผลโลหิตตกใน ดังนี้พึงคาดหมายได้ว่าย่อมจะเป็นเหตุให้เขาถึงแก่ความตายได้ จึงถือว่าเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม. 218 นั้นหมายถึงโทษแต่ละกะทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตาม ก.ม.อาญาม. 298 ,299,63 และตาม ม. 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตาม ก.ม.อาญาม. 298 ,299,63 และตาม ม. 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการเรียกคืนเงินจากการถูกสลาก ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
การที่จำเลยสมคบกันใช้อาวุธและวาจาขู่เข็ญให้เจ้าทรัพย์จ่ายเงินค่าสลากกินรวบซึ่งจำเลยถูกสลากและเจ้าทรัพย์เป็นเจ้ามือนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมุ่งหมายจะเอาทรัพย์ที่จำเลยเข้าใจว่าจำเลยควรจะได้ ไม่มีเ+ยยจิตต์จะสักทรัพย์ ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์