คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 161

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 464 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางเดินโดยวิสาสะไม่ก่อให้เกิดภารจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี
โจทก์เดิน ผ่านที่ดินของจำเลยโดย ถือ วิสาสะ แม้จะใช้ มาเกินกว่า10 ปี ก็หาก่อให้เกิดภารจำยอมเหนือที่ดินจำเลยไม่ คดีมีการนัดชี้สองสถานและได้ นัดสืบพยาน โจทก์จำเลยรวม ทั้งสิ้น15 นัด เป็นเวลา 1 ปีเศษ ทนายความจึงต้อง ว่าความนานพอสมควร และเป็นคดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงถือ เป็นคดีสำคัญ ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท จึงเหมาะสมกับรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องปราศจากสิทธิของเจ้าของที่ดิน แม้ครอบครองเกิน 10 ปีก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์ และการได้รับอนุญาตคนอนาถายังต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม
ผู้ร้องเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดย อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินแม้ครอบครองเป็นเวลาเกิน 10 ปี ก็หาได้ กรรมสิทธิ์โดย การครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ไม่ การได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดย ไม่ ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดีในศาลนั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้อง ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทน คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ผู้ร้องจะได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่ เมื่อผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษา ให้ผู้ร้องใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้านได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3901/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้ทนายถอนตัว, งดสืบพยาน, และประเด็นการฟ้องที่ไม่ชัดเจนในคดีแพ่ง
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 1 ครั้ง อ้างว่าทนายจำเลยป่วย ศาลอนุญาตโดยกำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาสืบให้พร้อม ถ้าพยานปากใดไม่มาถือว่าไม่ติดใจสืบ ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยมอบฉันทะให้ ป. มายื่นคำร้องว่าทนายจำเลยขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้จำเลย และขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยหาทนายใหม่ โดยไม่ปรากฏว่าการขอถอนตัวจากการเป็นทนายได้แจ้งให้ตัวจำเลยทราบหรือหาตัวจำเลยไม่พบ การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ทนายถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย จึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 เมื่อจำเลยยังมีทนายอยู่ จึงไม่มีเหตุที่จะขอเลื่อนคดีเพื่อให้จำเลยหาทนายใหม่ทั้งการที่ศาลชั้นต้นได้กำชับในนัดก่อนแล้วว่า หากพยานปากใดไม่มาศาล ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อไม่มีพยานจำเลยมาศาลเลยศาลชั้นต้นจึงงดสืบพยานจำเลยเสียได้ ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาแลกเช็คเป็นเงินลดจากโจทก์ 200,000 บาท และจำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามจำนวนเงินในเช็คและดอกเบี้ยรวม 270,363 บาท เท่านั้น ดังนั้นปัญหาว่าจำเลยได้กู้เงินและรับเงิน 400,000 บาทไปจากโจทก์หรือไม่ จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่า จำเลยได้กู้และรับเงิน 400,000 บาทจากโจทก์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาต่อมาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229หมายความรวมถึงค่าทนายความด้วย ซึ่งผู้อุทธรณ์ต้องนำมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3901/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการงดสืบพยานเมื่อทนายจำเลยขอถอนตัว และการพิพากษาตามสัญญาแลกเช็ค
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 1 ครั้ง อ้างว่าทนายจำเลยป่วย ศาลอนุญาตโดยกำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาสืบให้พร้อม ถ้าพยานปากใดไม่มาถือว่าไม่ติดใจสืบ ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยมอบฉันทะให้ ป. มายื่นคำร้องว่าทนายจำเลยขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้จำเลย และขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยหาทนายใหม่ โดยไม่ปรากฏว่าการขอถอนตัวจากการเป็นทนายได้แจ้งให้ตัวจำเลยทราบหรือหาตัวจำเลยไม่พบ การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ทนายถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย จึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 เมื่อจำเลยยังมีทนายอยู่ จึงไม่มีเหตุที่จะขอเลื่อนคดีเพื่อให้จำเลยหาทนายใหม่ทั้งการที่ศาลชั้นต้นได้กำชับในนัดก่อนแล้วว่า หากพยานปากใดไม่มาศาล ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อไม่มีพยานจำเลยมาศาลเลยศาลชั้นต้นจึงงดสืบพยานจำเลยเสียได้
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาแลกเช็คเป็นเงินลดจากโจทก์ 200,000 บาท และจำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามจำนวนเงินในเช็คและดอกเบี้ยรวม 270,363 บาท เท่านั้น ดังนั้นปัญหาว่าจำเลยได้กู้เงินและรับเงิน 400,000 บาทไปจากโจทก์หรือไม่ จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่า จำเลยได้กู้และรับเงิน 400,000 บาทจากโจทก์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาต่อมาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229หมายความรวมถึงค่าทนายความด้วย ซึ่งผู้อุทธรณ์ต้องนำมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้มีมูลหนี้จากการซื้อขายรถยนต์ และการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และทำสัญญากู้ตามฟ้อง มูลหนี้จะเป็นการกู้ยืมเงินสดหรือเงินที่ค้างชำระในการซื้อขายรถยนต์ก็เป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้นั้นได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
ดอกเบี้ยก่อนทำสัญญากู้ที่ตกลงกันให้คิดจากค่างวดที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้น มีลักษณะเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญ้ติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ
การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653วรรคสองนั้นหมายถึงต้นเงินไม่หมายรวมถึงดอกเบี้ย
การที่ศาลจะให้ฝ่ายใดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และแม้คู่ความอีกฝ่ายจะมิได้ขอ ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้จากการซื้อขายรถยนต์และการกู้ยืมเงิน การบังคับตามสัญญากู้และการพิพากษาค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และทำสัญญากู้ตามฟ้อง มูลหนี้จะเป็นการกู้ยืมเงินสดหรือเงินที่ค้างชำระในการซื้อขายรถยนต์ก็เป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้นั้นได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง ดอกเบี้ยก่อนทำสัญญากู้ที่ตกลงกันให้คิดจากค่างวดที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้นมีลักษณะเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสองนั้นหมายถึงต้นเงิน ไม่หมายความถึงดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ ทั้งมิได้มีคำขอมาในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ได้ เพราะการที่ศาลจะให้ฝ่ายใดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และแม้คู่ความอีกฝ่ายจะมิได้ขอ ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6485/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตของผู้ถูกบังคับคดี ทำให้ผู้ถูกบังคับคดีต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียม
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายเพราะโจทก์ถอนการยึด แม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 อันจะทำให้โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อมีพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6485/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการประวิงการชำระหนี้ ทำให้จำเลยต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายเพราะโจทก์ถอนการยึด แม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 อันจะทำให้โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อมีพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6107/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้กรรมสิทธิ์ในคดีแพ่ง: ผลของการไม่ชำระค่าขึ้นศาลต่อการระงับประเด็นกรรมสิทธิ์
การต่อสู้คดีอ้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินพิพาทของฝ่ายจำเลยนั้น จำเลยอาจจะให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์โดยมิได้ฟ้องแย้ง หรือจะฟ้องแย้งด้วยก็ได้ถ้าฟ้องแย้งด้วยและเมื่อฟังว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลย ศาลก็จะบังคับให้ตามฟ้องแย้ง แต่ถ้าหากมิได้ฟ้องแย้งศาลก็จะพิพากษาเพียงให้ยกฟ้องโจทก์เท่านั้น คดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่จำเลยมิได้นำค่าขึ้นศาลฟ้องแย้งมาชำระหาได้ทำให้ประเด็นในข้อหาต่อสู้กรรม สิทธิ์หมดหรือระงับไปไม่
การที่ศาลมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับนั้น เป็นการใช้ดุลพินิจของศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 หาใช่เป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6107/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้กรรมสิทธิ์ในคดีแพ่ง: ผลของการไม่ชำระค่าขึ้นศาลฟ้องแย้ง
การต่อสู้คดีอ้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทของฝ่ายจำเลยนั้นจำเลยอาจจะให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์โดยมิได้ฟ้องแย้ง หรือจะฟ้องแย้งด้วยก็ได้ ถ้าฟ้องแย้งด้วยและเมื่อฟังว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลย ศาลก็จะบังคับให้ตามฟ้องแย้ง แต่ถ้าหากมิได้ฟ้องแย้งศาลก็จะพิพากษาเพียงให้ยกฟ้องโจทก์เท่านั้น คดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่จำเลยมิได้นำค่าขึ้นศาลฟ้องแย้งมาชำระหาได้ทำให้ประเด็นในข้อต่อสู้กรรมสิทธิ์หมดหรือระงับไปไม่ การที่ศาลมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับนั้นเป็นการใช้ดุลพินิจของศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 หาใช่เป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่
of 47