พบผลลัพธ์ทั้งหมด 464 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการครอบครองปรปักษ์, และดุลพินิจศาลในการกำหนดค่าเสียหาย
การบอกเลิกการเช่าซึ่งโจทก์บอกกล่าวแก่ห้างจำเลยที่ 1 โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับถือว่าได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชน มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชน มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา, และการกำหนดค่าเสียหายโดยศาล
การบอกเลิกการเช่าซึ่งโจทก์บอกกล่าวแก่ห้างจำเลยที่ 1 โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับถือว่าได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชนมีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชนมีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2376/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากขัดคำสั่งย้ายงาน และขอบเขตโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับ
ข้อบังคับการทำงานของจำเลยกำหนดโทษทางวินัยไว้ 2 สถานคือสถานเบาและสถานหนัก ข้อ 18 ก. เป็นโทษสถานเบาซึ่งกำหนดข้อห้ามในเรื่องไม่มีความสำคัญ ข้อ 18 ก.23 กำหนดว่าละเลยไม่เอาใจใส่ต่อประกาศและคำสั่งต่าง ๆ ของโรงแรม จึงหมายความว่าเป็นเรื่องที่จำเลยออกประกาศหรือคำสั่งใด ๆ ที่กำหนดถึงการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่ไม่มีความสำคัญนัก จำเลยมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่พนักงานขายจัดเลี้ยง การที่โจทก์ขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อจำเลยได้ ซึ่งมิใช่เป็นความผิดเล็กน้อยอันจะพึงได้รับโทษสถานเบา เมื่อระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยมิได้กำหนดความผิดในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ กรณีต้องปรับด้วยบทกฎหมายที่มีอยู่คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 เมื่อโจทก์จงใจขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยผู้เป็นนายจ้างจำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกล่าวล่วงหน้า
คำว่าค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน หมายความรวมถึงค่าทนายความด้วย คู่ความจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระ
คำว่าค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน หมายความรวมถึงค่าทนายความด้วย คู่ความจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2376/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่ขัดคำสั่งโยกย้าย และขอบเขตโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับ
ข้อบังคับการทำงานของจำเลยกำหนดโทษทางวินัยไว้2สถานคือสถานเบาและสถานหนักข้อ18ก.เป็นโทษสถานเบาซึ่งกำหนดข้อห้ามในเรื่องไม่มีความสำคัญข้อ18ก.23กำหนดว่าละเลยไม่เอาใจใส่ต่อประกาศและคำสั่งต่างๆของโรงแรมจึงหมายความว่าเป็นเรื่องที่จำเลยออกประกาศหรือคำสั่งใดๆที่กำหนดถึงการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่ไม่มีความสำคัญนักจำเลยมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่พนักงานขายจัดเลี้ยงการที่โจทก์ขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อจำเลยได้ซึ่งมิใช่เป็นความผิดเล็กน้อยอันจะพึงได้รับโทษสถานเบาเมื่อระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยมิได้กำหนดความผิดในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะกรณีต้องปรับด้วยบทกฎหมายที่มีอยู่คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา583เมื่อโจทก์จงใจขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยผู้เป็นนายจ้างจำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกล่าวล่วงหน้า. คำว่าค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา27แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานหมายความรวมถึงค่าทนายความด้วยคู่ความจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความแทนที่ และอำนาจศาลฎีกาในการกำหนดค่าทนายความ
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งหน้าที่ทนายแก้ต่างและการรับผิดค่าทนายในชั้นอุทธรณ์
จำเลยเป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์ด้วยตนเอง ทนายจำเลยได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ด้วย แต่จำเลยได้เลือกเอาฉบับที่จำเลยลงชื่อถือได้ว่าทนายความได้ปฏิบัติหน้าที่แก้ต่างแล้ว โจทก์ต้องรับผิดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขาย, ข้อผิดพลาดเรื่องเนื้อที่ดิน, การผิดสัญญา, การคืนเงินมัดจำ, ค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ตกลงซื้อที่ดินและบ้านจากจำเลยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายและวางเงินมัดจำไว้ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในสัญญาได้
สัญญาซื้อขายระบุว่าในวันทำสัญญาโจทก์ได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 70,000 บาท จำเลยได้รับเงินเรียบร้อยแล้วจำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์วางเงินมัดจำเพียง 50,000 บาท ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1497/2515 และคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 2216/2515)
สัญญาซื้อขายระบุว่าในวันทำสัญญาโจทก์ได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 70,000 บาท จำเลยได้รับเงินเรียบร้อยแล้วจำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์วางเงินมัดจำเพียง 50,000 บาท ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1497/2515 และคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 2216/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน-บ้าน, การแก้ไขโฉนด, คืนเงินมัดจำ, และค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ตกลงซื้อที่ดินและบ้านจากจำเลยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายและวางเงินมัดจำไว้ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในสัญญาได้
สัญญาซื้อขายระบุว่าในวันทำสัญญาโจทก์ได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 70,000 บาท จำเลยได้รับเงินเรียบร้อยแล้วจำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์วางเงินมัดจำเพียง 50,000 บาทไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความ (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1497/2515 และคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 2216/2515)
สัญญาซื้อขายระบุว่าในวันทำสัญญาโจทก์ได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 70,000 บาท จำเลยได้รับเงินเรียบร้อยแล้วจำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์วางเงินมัดจำเพียง 50,000 บาทไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความ (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1497/2515 และคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 2216/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการรื้อรั้ว, อายุความ, การรับสภาพหนี้, ค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารั้วไม้ของโจทก์เสียหายรวม 74 ช่วงและรั้วลวดตาข่ายเสียหายราว 165 เมตร คิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 335,295 บาท แม้มิได้แสดงว่ารั้วไม้ยาวช่วงละเท่าใด รั้วไม้และรั้วตาข่ายช่วงไหนเสียหาย เสียหายช่วงละเท่าใด หรือเสียหายอย่างไร แต่โจทก์ก็ได้แนบแผนผังแสดงแนวรั้วไม้และรั้วตาข่ายที่เสียหายมาท้ายคำฟ้องด้วย คำฟ้องนี้จึงได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์หลายครั้งโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่รื้อออกไป เมื่องานต่าง ๆ ที่จะต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยรื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่13 ธันวาคม 2521 อันเป็นวันที่จำเลยทำหนังสือให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522 จึงไม่ขาดอายุความ
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กรุงเทพมหานครได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ไปแล้วซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยอีก เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน 362,537.70 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 183,736.00 บาท โจทก์อุทธรณ์และฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้อง เมื่ออุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี ส่วนค่าทนายความเมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นควรให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์หลายครั้งโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่รื้อออกไป เมื่องานต่าง ๆ ที่จะต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยรื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่13 ธันวาคม 2521 อันเป็นวันที่จำเลยทำหนังสือให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522 จึงไม่ขาดอายุความ
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กรุงเทพมหานครได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ไปแล้วซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยอีก เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน 362,537.70 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 183,736.00 บาท โจทก์อุทธรณ์และฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้อง เมื่ออุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี ส่วนค่าทนายความเมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นควรให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการรื้อรั้ว, อายุความ, การรับสภาพหนี้, และค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารั้วไม้ของโจทก์เสียหายรวม 74 ช่วงและรั้วลวดตาข่ายเสียหายราว 165 เมตรคิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 335,295 บาทแม้มิได้แสดงว่ารั้วไม้ยาวช่วงละเท่าใด รั้วไม้และรั้วตาข่ายช่วงไหนเสียหายเสียหายช่วงละเท่าใดหรือเสียหายอย่างไรแต่โจทก์ก็ได้แนบแผนผังแสดงแนวรั้วไม้และรั้วตาข่ายที่เสียหายมาท้ายคำฟ้องด้วยคำฟ้องนี้จึงได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์หลายครั้งโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่รื้อออกไป เมื่องานต่างๆ ที่จะต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยรื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่13 ธันวาคม 2521อันเป็นวันที่จำเลยทำหนังสือให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้นโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522จึงไม่ขาดอายุความ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กรุงเทพมหานครได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ไปแล้วซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยอีกเป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน362,537.70 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 183,736.00 บาท โจทก์อุทธรณ์และฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้องเมื่ออุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดีส่วนค่าทนายความเมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นควรให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์