พบผลลัพธ์ทั้งหมด 464 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658-2659/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาก่อสร้าง: ศาลวินิจฉัยถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 391 การชำระค่างานตามผลงานจริง
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองแล้วเพราะจำเลยทั้งสองทำผิดสัญญา จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยผิดสัญญา อันเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองยังไม่เลิกกัน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จึงรวมอยู่ในประเด็นที่ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองเลิกกันแล้วหรือยังด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้วดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่อีกนั้น จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกคำฟ้องและนอกประเด็น
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวด ๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวด ๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658-2659/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาก่อสร้าง: การชำระค่างานที่ทำไปแล้วตามสภาพผลงานจริง และค่าฤชาธรรมเนียม
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองแล้วเพราะจำเลยทั้งสองทำผิดสัญญา จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยผิดสัญญา อันเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองยังไม่เลิกกัน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จึงรวมอยู่ในประเด็นที่ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองเลิกกันแล้วหรือยังด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว ดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่อีกนั้น จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกคำฟ้องและนอกประเด็น
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวดๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวดๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกและคิดค่าธรรมเนียมการขายโดยวิธีประมูล: เกณฑ์การคำนวณจากราคาทรัพย์สินทั้งหมด
การคิดค่าธรรมเนียมการขายโดยวิธีประมูลระหว่างคู่ความว่าเป็นจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องคิดจากราคาทรัพย์สินทั้งหมดที่ขายได้โดยไม่ยกเว้นให้แก่ส่วนนอกที่พิพาท ส่วนคู่ความฝ่ายใดจะต้องรับผิดเพื่อค่าฤชาธรรมเนียมที่คิดไว้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คิดหักค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจากทรัพย์ส่วนที่มิได้เป็นทรัพย์พิพาทจึงถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธข้ออ้างที่ไม่ชัดเจน, สิทธิในการนำสืบ, และดุลพินิจค่าฤชาธรรมเนียม
ให้การปฏิเสธข้ออ้างในฟ้องแต่ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธ จำเลยไม่มีข้อนำสืบ แม้จะถามค้านพยานโจทก์ไว้แล้วก็ไม่มีสิทธินำสืบ
แม้คำสั่งศาลชั้นต้นจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 65 ในการที่สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัวโดยไม่ให้ตัวความทราบเสียก่อน แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาก่อนแล้วจึงได้สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัว ทั้งได้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายความให้จำเลยทราบก่อนวันอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยจึงไม่ได้รับความเสียหายไม่จำเป็นที่จะต้องเพิกถอนคำสั่ง ศาลชั้นต้นในเรื่องนี้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่เมื่อคำนึงถึงเหตุดังกล่าวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยด้วยแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ตั้งฟ้องมานั้นถูกต้องแล้ว
แม้คำสั่งศาลชั้นต้นจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 65 ในการที่สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัวโดยไม่ให้ตัวความทราบเสียก่อน แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาก่อนแล้วจึงได้สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัว ทั้งได้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายความให้จำเลยทราบก่อนวันอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยจึงไม่ได้รับความเสียหายไม่จำเป็นที่จะต้องเพิกถอนคำสั่ง ศาลชั้นต้นในเรื่องนี้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่เมื่อคำนึงถึงเหตุดังกล่าวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยด้วยแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ตั้งฟ้องมานั้นถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจาก
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ศาลมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบค่าฤชาธรรมเนียมได้ แม้ไม่ใช่คำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้องศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินธรณีสงฆ์ แม้ครอบครองทำประโยชน์นาน ก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ และการชดใช้ค่าที่ดินเพิ่มต้องฟ้องแย้ง
ที่ธรณีสงฆ์แม้จะครอบครองทำประโยชน์มาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
จำเลยให้การต่อสู้คดีเพียงว่า หากศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์จะต้องใช้ค่าที่ดินเพิ่มขึ้นให้จำเลยโดยจำเลยขอสงวนสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกจากโจทก์ต่อไปเท่านั้นจำเลยหาได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์มาในคำให้การด้วยไม่ศาลจึงไม่อาจบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นได้
การกำหนดความรับผิดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความของคู่ความนั้น ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุผลสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดี
จำเลยให้การต่อสู้คดีเพียงว่า หากศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์จะต้องใช้ค่าที่ดินเพิ่มขึ้นให้จำเลยโดยจำเลยขอสงวนสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกจากโจทก์ต่อไปเท่านั้นจำเลยหาได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์มาในคำให้การด้วยไม่ศาลจึงไม่อาจบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นได้
การกำหนดความรับผิดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความของคู่ความนั้น ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุผลสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์หากไม่มีการขายทอดตลาด
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอยางอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอยางอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินหากไม่มีการขาย
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5(3)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การผ่อนผันการชำระหนี้, การบอกเลิกสัญญา, และการยึดรถโดยพลการ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกสิบล้อจากจำเลย สัญญาเช่าซื้อได้กำหนดการชำระค่าเช่าซื้อไว้ทุกวันที่ 25 ของเดือน แต่เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตรงตามกำหนดเวลาหลายงวดโจทก์ขอผ่อนผัน จำเลยก็ยินยอมผ่อนผันให้ และเมื่อโจทก์นำค่าเช่าซื้อมาชำระหลังจากเกินกำหนดเวลาตามงวดแล้ว จำเลยก็ยินยอมรับไว้มิได้ทักท้วง เมื่อจำเลยยึดรถยนต์ไปจากโจทก์ แล้ว จำเลยยังมีหนังสือให้โจทก์เอาเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างมาชำระ ตามพฤติการณ์แสดงว่าในทางปฏิบัติคู่สัญญาไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสำคัญดังนี้ จะถือว่าโจทก์ ผิดสัญญา สัญญาจึงเลิกกันตามข้อกำหนดในสัญญาไม่ได้ จำเลยจะเลิกสัญญาได้ก็แต่ด้วยการแสดงเจตนาบอกเลิกตามมาตรา 386 และการบอกเลิกสัญญาก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา387 และ 388 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ