คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 292

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินรวม: ห้ามตั้งประเด็นใหม่หลังคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทขายทอดตลาดที่ดินพิพาทนำเงินที่ได้มาแบ่งปันกันตามส่วนคดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งปันกันตามส่วนตามคำพิพากษา คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมผูกพันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีให้ต้องปฏิบัติตาม การที่จำเลยที่ 1 มาร้องในคดีนี้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่ดินส่วนนั้นมาจนที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลไต่สวนคำฟ้องเพื่อมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 5เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 นั้น ย่อมเป็นการที่จำเลยที่ 1 ตั้งประเด็นขึ้นใหม่พิพาทกับจำเลยที่ 5 และมีผลเท่ากับขอให้ศาลแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ซึ่งไม่อาจกระทำได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วคำพิพากษาของศาลแต่ละคดีก็จะไม่เป็นที่ยุติลงได้ กรณีเช่นนี้หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าตนมีสิทธิในที่ดินพิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้อย่างไร หรือจำเลยที่ 1 ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใด จำเลยที่ 1ชอบที่จะไปดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นคดีใหม่ต่างหาก
การที่โจทก์ขอหมายบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทขายทอดตลาดคดีนี้ เป็นการกำหนดวิธีแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมเท่านั้นโจทก์ก็ดี จำเลยก็ดี หาใช่เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อกันและกันไม่กรณีจึงไม่ใช่เป็นการร้องขอให้บังคับคดีตาม ป.วิ.พ.มาตรา 271 จำเลยที่ 1จึงไม่อาจอ้างว่าคำร้องของตนต้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 288 ได้ เพราะการร้องขอตามบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องเป็นการร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด กรณีจึงไม่มีเหตุให้ต้องงดขายทอดตลาดที่ดินพิพาทและทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกศาลไม่อ้างอิงเพื่อขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษาได้
เมื่อศาลพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ จำเลยจะยกข้ออ้างว่าโจทก์ตกลง ให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลงย่อย เพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคาซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทำกันนอกศาล ทั้งยังมีข้อโต้เถียงกันอยู่ว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นแล้วหรือไม่มาเป็นเหตุให้ งด การบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ งดบังคับคดี: ข้อพิพาทสิทธิในทรัพย์มรดกต้องพิสูจน์ในคดีอื่น
ในชั้นบังคับคดี จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีจำเลยทั้งสี่ก็ไม่ต้องออกไปจากบ้านพิพาท การที่ผู้ร้องขอให้บังคับคดีต่อไปโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของโจทก์ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในอีกคดีหนึ่งนั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วในขณะที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดี ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าศาลชั้นต้นได้จำหน่ายคดีอีกคดีหนึ่งดังกล่าวแล้วเพราะจำเลยที่ 1 มิได้ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีแล้ว และเป็นผลของคดีซึ่งผู้ร้องจะต้องนำไปแถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการต่อไปตามเงื่อนไขของคำสั่งศาลชั้นต้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในขณะที่ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ในการขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงมีเหตุอันสมควรที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ในขณะมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3276/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีและการแสดงเจตนาของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การเลื่อนขายทอดตลาดไม่ใช่การงดบังคับคดี
คำแถลงของโจทก์ที่ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จากกำหนดเดิมออกไปเพื่อที่โจทก์จะได้ไปหาผู้อื่นมาซื้อทรัพย์ให้ได้ราคาสูงไม่ใช่หนังสือแจ้งว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตกลงงดการบังคับคดีไว้ชั่วระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือภายในเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(3)เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่จำต้องงดการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีลูกหนี้ร่วม: พิจารณาความจำเป็นเมื่อบังคับคดีทรัพย์สินจำนองร่วมกระทบสิทธิลูกหนี้ที่ศาลสั่งงดบังคับคดีไว้แล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ด้วย จึงมิใช่กรณีที่จะงดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แต่การบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 จะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เมื่อยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าราคาทรัพย์สินจำนองพอชำระหนี้หรือไม่และทรัพย์สินที่จำนองส่วนมากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4จำนองร่วมกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจแบ่งแยกบังคับทรัพย์สินที่จำนองร่วมกันโดยไม่กระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 กรณีเป็นเรื่องจำเป็นและสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ งดบังคับคดีลูกหนี้ร่วม: พิจารณาทรัพย์สินจำนองร่วม และสิทธิจำเลยที่ 1 ที่มีคำสั่งงดบังคับคดีแล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ด้วย จึงมิใช่กรณีที่จะงดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แต่การบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เมื่อยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าราคาทรัพย์สินจำนองพอชำระหนี้หรือไม่ และทรัพย์สินที่จำนองส่วนมากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำนองร่วมกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจแบ่งแยกบังคับทรัพย์สินที่จำนองร่วมกันโดยไม่กระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 กรณีเป็นเรื่องจำเป็นและสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีเมื่อลูกหนี้ร่วมฟ้องคดีเรียกทรัพย์จากเจ้าหนี้ และการใช้ดุลพินิจของศาลตามมาตรา 292(2)
การงดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 เป็นกรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้เป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งในคราวเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าหากศาลพิพากษาให้ฝ่ายลูกหนี้ชนะคดีก็ไม่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้โดยวิธีอื่นเพราะสามารถจะหักกลบลบกันได้ ส่วนการงดบังคับคดีตามมาตรา 292(2) นั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยมีเงื่อนไขเพียงว่า ศาลต้องใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมแก่รูปคดี การที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น และศาลพิพากษาให้โจทก์คืนข้าวเปลือกหรือใช้ราคาแก่จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ขอให้ศาลงดการบังคับคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจงดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไว้ในระหว่างที่คดีจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ยังไม่ถึงที่สุดได้ เพราะหากคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ดังกล่าวถึงที่สุดและศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็อาจจะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ได้ผลก็คือจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ กรณีจึงมีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไว้จนกว่าคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ ถึงที่สุดตามมาตรา 292(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4989/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการประมูลและการผิดสัญญา: ผลของการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการค้ำประกัน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแก่ผู้ซื้อ โดยไม่งดการขายทอดตลาดไว้รอพิจารณาคำขอประนอมหนี้ตามคำขอของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าจำเลยประวิงคดี ขอให้ยกคำร้องของจำเลยระหว่างการพิจารณาของศาล ผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาด จำเลยและ ส.ผู้ซื้อรายใหม่ตกลงกันว่า ผู้ซื้อรายใหม่ตกลงวางเงิน 100,000 บาทให้ผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดรับไปเป็นค่าเสียหาย เพื่อจะได้ไม่คัดค้านที่จะมีการขายทอดตลาดใหม่ มิใช่เป็นการตกลงว่าผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดสละสิทธิในที่ประมูลซื้อได้ในครั้งก่อน เพราะการที่ผู้ซื้อรายใหม่ตกลงจะเข้าประมูลซื้อที่ดินพิพาทครั้งใหม่ในราคาไม่ต่ำกว่า 18,000,000 บาทนั้น จะต้องจัดหาธนาคารมาค้ำประกันจำนวน 2,000,000 บาท เพื่อเป็นประกันค่าเสียหายแก่กองทรัพย์สินหากผู้ซื้อรายใหม่เข้าสู้ราคาต่ำกว่า 18,000,000 บาท ซึ่งเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ผู้ซื้อรายใหม่ต้องปฏิบัติก่อน เมื่อผู้ซื้อรายใหม่ไม่สามารถหาธนาคารมาค้ำประกันได้ จึงเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงศาลต้องจำหน่ายคำร้องของจำเลยตามสัญญาที่ตกลงไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้โดยทนายความนอกศาลไม่ผูกพันโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ การชำระหนี้จึงไม่ผูกพันโจทก์
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้.
of 15