คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 86

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 621 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2567

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษผู้สนับสนุนการกระทำผิดคดียาเสพติด: โทษจำคุกตลอดชีวิตเทียบเท่าสองในสามของโทษประหารชีวิต
จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ก่อนลดโทษให้ประหารชีวิต ดังนั้น โทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิตจึงเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต เทียบ ป.อ. มาตรา 52 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษ ให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลงโทษปรับ และมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ด้วย จึงชอบแล้ว เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ได้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษจำคุกที่ต้องลงโทษปรับด้วยเสมอตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 152

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2567

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วม vs ผู้สนับสนุน – การปรับบทความผิดตามกฎหมายยาเสพติดใหม่ และการเพิ่มโทษซ้ำ
พยานหลักฐานของโจทก์เมื่อรับฟังประกอบกันทั้งหมดแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจและร่วมเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามฟ้องกับ น. ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยทำหน้าที่ขับรถในการขนลำเลียงเมทแอมเฟตามีนให้กับ น. ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดเพียงฐานเป็นผู้สนับสนุน น. ในการกระทำความผิดตามฟ้อง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดตามฟ้อง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้เองและปรับบทความผิดให้ถูกต้องได้โดยลงโทษจำเลยไม่เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ผู้สนับสนุน ร่วมรับผิดในส่วนแพ่ง, แก้ไขดอกเบี้ยตามกฎหมายใหม่
การที่จำเลยที่ 2 รู้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนยังยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำบัญชีเงินฝากของตนไปใช้รับโอนเงินลงทุนที่จำเลยที่ 1 หลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบสาม ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 86 และต้องร่วมรับผิดในส่วนแพ่งกับจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลงข้อความเท็จในเอกสารบริษัท, ผู้สนับสนุน, การนับโทษต่อคดีอื่น, และการใช้ดุลพินิจศาล
จำเลยที่ 2 นำหุ้นที่โจทก์เป็นเจ้าของอยู่ครึ่งหนึ่งไปเป็นชื่อของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ร่วมมือกับจำเลยที่ 3 โดยให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นจากจำเลยที่ 2 เป็นชื่อจำเลยที่ 3 ทั้งหมดจำนวน 255,000 หุ้น ซึ่งมีส่วนของโจทก์รวมอยู่ด้วยโดยไม่ปรากฏว่ามีการประชุมผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง อันเป็นการทำเอกสารเท็จ จำเลยที่ 3 ซึ่งรับว่าเป็นสามีใหม่ของจำเลยที่ 2 เบิกความเจือสมกับทางนำสืบของโจทก์ว่าเป็นผู้ดำเนินการจัดทำเอกสารเปลี่ยนแปลงบัญชีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นการลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัทนำไปให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อที่เรือนจำ ย่อมทำให้จำเลยที่ 2 ไม่อยู่ในวิสัยดำเนินการเองได้ น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 3 ร่วมมือกับจำเลยที่ 2 กระทำการดังกล่าว จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 แต่โดยฐานะจำเลยที่ 3 มิใช่กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 1 จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ฐานลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 42 (2) ประกอบ ป.อ. มาตรา 86
พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัท กระทำ หรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้...(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของ ฯ บริษัท" แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้กระทำความผิดไว้ว่าต้องเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัท จึงจะลงโทษเป็นตัวการกระทำผิดได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 มิได้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำเลยที่ 1 แม้จะร่วมกันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นตัวการได้ คงลงโทษจำเลยที่ 3 ได้เพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานลงข้อความเท็จของบริษัท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งวงเงินจัดซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงการสอบราคาและเอื้อประโยชน์ผู้เสนอราคา การกระทำผิด พ.ร.บ.เสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพ ม. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำเลยที่ 1 ดำเนินการอนุมัติให้จัดซื้อวัสดุตามโครงการติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบไฟฟ้าสำหรับห้องเรียนคอมพิวเตอร์ แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จำนวน 6 ห้อง และให้ อ. ครูหัวหน้าแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เป็นผู้จัดทำบันทึกขออนุญาตดำเนินการจัดซื้อวัสดุตามโครงการดังกล่าวโดยใช้งบประมาณบำรุงการศึกษา 269,950 บาท โดยแบ่งซื้อวัสดุออกเป็น 3 ครั้ง ให้อยู่ในวงเงินครั้งละไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่สามารถอนุมัติได้ อันเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ที่แก้ไขแล้ว ที่กำหนดให้ต้องดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีการสอบราคา แต่องค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 นั้น ผู้กระทำความผิดต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่โดยตรงในการซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ อย่างไร คงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย สั่งอนุญาตและอนุมัติเกี่ยวกับราชการของวิทยาลัยการอาชีพ ม. เท่านั้น ส่วนการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ อยู่ในความรับผิดชอบของงานพัสดุ และการที่จำเลยที่ 1 อนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างก็เป็นการเสนอขึ้นมาตามลำดับชั้นและเป็นการใช้อำนาจในฐานะผู้บังคับบัญชา ทำให้เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการจัดซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 และจำเลยที่ 3 ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดฐานนี้
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ดำเนินการให้มีการจัดซื้อหรือจัดจ้างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามโครงการติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบไฟฟ้าสำหรับห้องเรียนคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งวงเงินที่จะซื้อออกเป็น 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 100,000 บาท จนทำให้อำนาจสั่งซื้อหรือสั่งจ้างเปลี่ยนไปจากวิธีสอบราคาเป็นวิธีตกลงราคา ที่เจ้าหน้าที่พัสดุสามารถติดต่อกับผู้ขายหรือผู้รับจ้างเพียงรายเดียวมาตกลงราคาได้โดยตรง และจำเลยที่ 1 ยังมีคำสั่งเจาะจงให้ซื้อจากร้าน ส. ซึ่งมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมเป็นหุ้นส่วนจึงเป็นการเอื้ออำนวยแก่ร้าน ส. ให้ได้เป็นผู้เข้าทำสัญญากับวิทยาลัยการอาชีพ ม. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ทั้งจำเลยที่ 1 ยังได้กระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 22 วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำโดยมุ่งหมายมิให้มีผู้เสนอราคารายอื่นเข้ามาแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม แม้การจะจัดซื้อโดยวิธีตกลงราคากันนั้น ต้องประกอบด้วยข้อเสนอของผู้ขายและคำสนองรับของผู้ซื้อเป็นสำคัญก็ตาม ทั้งยังปรากฏด้วยว่าร้าน ส. เพียงรายเดียวที่เข้ามาตกลงราคาวิทยาลัยการอาชีพ ม. จึงถือได้ว่าร้าน ส. โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐอันเกี่ยวกับการซื้อ ซึ่งเป็นการเสนอราคาตามบทนิยาม มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 แล้ว อีกทั้งเมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 7 บัญญัติว่า "ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม..." องค์ประกอบหลักของความผิดตามมาตรานี้ คือ กระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม แสดงให้เห็นได้ว่าความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นได้แม้จะมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว โดยหาจำต้องมีผู้เสนอราคา 2 รายขึ้นไปไม่ จำเลยที่ 1 ดำเนินการแบ่งวงเงินให้อยู่ในวงเงินที่สามารถจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีตกลงราคาตามที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 19 ที่แก้ไขแล้ว กำหนด การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้มีผู้อื่นเข้าเสนอราคาอย่างเป็นธรรมด้วยวิธีสอบราคาเพื่อเอื้ออำนวยแก่ร้าน ส. เพียงรายเดียวให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับวิทยาลัยการอาชีพ ม. โดยมิชอบ เป็นเหตุให้รัฐต้องเสียหาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ส่วนจำเลยที่ 3 ที่รู้ถึงการกระทำของจำเลยที่ 1 และจัดหาวัสดุให้ในนามของร้าน ส. ที่ตนเองเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย โดยจัดทำบิลส่งของนำวัสดุอุปกรณ์ตามรายการขอซื้อขอจ้าง มาส่งให้แก่วิทยาลัยการอาชีพ ม. ตามที่จำเลยที่ 1 อนุมัติให้จัดซื้อหรือจัดจ้าง การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ: การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุจริตและบทบาทของผู้ร่วมกระทำผิด
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 เป็นความผิดที่เกิดขึ้นได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ม. จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าเป็นตัวการในการกระทำความผิด แต่การจัดส่งประกาศประกวดราคาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่ข่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานโดยเฉพาะ หากไม่มีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานสั่งการหรือร่วมรู้เห็น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นราษฎรย่อมไม่อาจร่วมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์และไปรับกลับคืนมาได้ แสดงว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐร่วมกระทำความผิดด้วย มิใช่เป็นกรณีที่ไม่มีตัวการในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพนักงานรัฐวิสาหกิจแก้ไขสัญญาเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชน, ความรับผิดทางอาญาและแพ่ง, การคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย
ในทางไต่สวนไม่ได้ความว่า จำเลยที่ 1 มีอำนาจทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาอนุญาตให้บริษัท อ. ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ลงวันที่ 27 มีนาคม 2533 (ครั้งที่ 7) ด้วยตนเอง แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการของผู้ร้องโดยต้องเป็นไปตามมติของคณะกรรมการของผู้ร้อง จำเลยที่ 1 ไม่ได้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดตามหน้าที่ คงมีอำนาจบริหารกิจการของผู้ร้องตามที่คณะกรรมการของผู้ร้องมอบหมายเท่านั้น การเข้าทำสัญญาของจำเลยที่ 1 จึงเป็นไปตามมติของคณะกรรมการของผู้ร้องย่อมไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 จำเลยที่ 1 คงมีความผิดตามมาตรา 11 เพียงบทเดียว
สำหรับจำเลยที่ 2 ได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้นำเอกสารประกอบวาระการประชุมที่จัดทำโดยฝ่ายบริหารผลประโยชน์ ไปปรึกษาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 เรียกนาย ส. และนาย ว. เข้าหารือที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 โดยมีจำเลยที่ 2 ร่วมอยู่ด้วยและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ปรับแก้ไขเอกสารดังกล่าวนำไปจัดพิมพ์ใหม่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมกระทำความผิดดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 ด้วย แต่จำเลยที่ 2 เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเป็นเลขานุการคณะกรรมการของผู้ร้องมีหน้าที่ดูแลสำนักเลขานุการของผู้ร้องและจัดระเบียบวาระเรื่องที่จะนำเข้าประชุมคณะกรรมการ มิได้มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4375/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยสนับสนุนผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิเพื่อฉ้อโกง โทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกง
จำเลยเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่มีการปลอมลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 2 กรณีมีเหตุเชื่อได้ว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ การที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ ย่อมลงโทษจำเลยได้เพียงฐานสนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยเป็นผู้สนับสนุนให้ปลอมเอกสารสิทธินั้น จึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3979/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และการลงโทษฐานมีอาวุธปืน
โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมคบคิดกับจำเลยที่ 1 ที่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองมาตั้งแต่แรก การที่จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง พาอาวุธปืน และใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยที่ 2 บอกจำเลยที่ 1 ว่า ออกมาแล้ว ยิงตะ ๆ เป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 1 ฆ่าผู้เสียหายทั้งสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 84 ดังนี้ จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาดไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด เป็นการแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 บอกจำเลยที่ 1 ให้ยิงผู้เสียหายที่ 1 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกให้ผู้อื่นกระทำความผิดเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 ได้เพราะโทษเบากว่าความผิดฐานเป็นตัวการจึงไม่เป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1513/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการกระทำชำเราเด็ก: ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงและลงโทษฐานสนับสนุน แม้ฟ้องเป็นตัวการ
จำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุขณะโจทก์ร่วมที่ 1 ถูกกระทำชำเรา แม้มิได้ร่วมกระทำชำเราด้วย แต่ก็มิได้ขัดขวางหรือห้ามปราม กลับได้ความว่าจำเลยมอบถุงยางอนามัยให้แก่ ต. ก่อนที่ ต. จะเข้าไปกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 ทั้งเมื่อบุคคลอื่นจะเข้าไปช่วยเหลือโจทก์ร่วมที่ 1 จำเลยกลับดึงแขนอันเป็นการขัดขวางมิให้บุคคลนั้นเข้าไปช่วยเหลือ พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลยกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 ก่อนกระทำความผิด จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการกระทำความผิด แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องก็ตาม แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้เพราะโทษเบากว่าความผิดฐานเป็นตัวการ ไม่เป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
of 63