คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 86

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 621 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชักชวนมารดาผู้เสียหาย หน่วงเวลาเอื้อประโยชน์สามี
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พนักงานทราบการหลอกลวง แต่ยังรับสมัครงานต่อ เข้าข่ายสนับสนุนการฉ้อโกง
จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนทราบดีว่า สำนักงานสาขาลำพูนของบริษัทจำเลยที่ 1ไม่มีเงินทุนดำเนินการ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้นำเงินค้ำประกันการเข้าทำงาน ของพนักงานมาจ่าย แต่จำเลยที่ 4 ก็ยังดำเนินการรับสมัครงานตลอดมาตามพฤติการณ์จำเลยที่ 4ย่อมทราบดีว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีงานการรับสมัครพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้เงินประกันการเข้าทำงาน ซึ่งจำเลยที่ 4ก็ยังคงดำเนินการให้การหลอกลวงนั้นบรรลุผล เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่บริษัทจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กระทำผิดจำเลยที่ 4 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการหลอกลวงประชาชนเพื่อเงินประกันการเข้าทำงาน จำเลย 4 มีความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 ทราบดีว่า สำนักงานสาขาลำพูนของบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินทุนดำเนินการ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้นำเงินค้ำประกันการเข้าทำงานของพนักงานมาจ่าย แต่จำเลยที่ 4 ก็ยังดำเนินการรับสมัครงานตลอดมา ตามพฤติการณ์จำเลยที่ 4 ย่อมทราบดีว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่มีงาน การรับสมัครพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 สาขาลำพูนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้เงินประกันการเข้าทำงาน ซึ่งจำเลยที่ 4 ก็ยังคงดำเนินการให้การหลอกลวงนั้นบรรลุผล เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่บริษัทจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 กระทำผิด จำเลยที่ 4 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4035/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้าม การกระทำของลูกจ้างที่ขนไม้ผิดกฎหมายเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน
จำเลยนำรถยนต์บรรทุกของนายจ้างขนไม้หวงห้ามให้แก่นายจ้าง เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้างของจำเลย ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ยางแปรรูปของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: ตัวการร่วม vs. ผู้สนับสนุน แม้ร่วมกับผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้ หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า ผู้ใดครอบครองทรัพย์นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่งเท่านั้น การที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารยักยอกทรัพย์ของธนาคาร จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 83แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบด้วยมาตรา 86. (วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์: บทบาทบุคคลภายนอกร่วมกับผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า "ผู้ใดครอบครองทรัพย์"นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่งเท่านั้น จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารยักยอกทรัพย์ของธนาคาร จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 83 แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบด้วยมาตรา 86 (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่เฉพาะวรรคสอง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: ตัวการร่วมกับผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน แม้ไม่ใช่ผู้มีอาชีพที่ไว้วางใจได้ก็มีความผิด
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้ หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า ผู้ใดครอบครองทรัพย์นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่งเท่านั้น
การที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารยักยอกทรัพย์ของธนาคาร จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 83แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบด้วยมาตรา 86.
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจเอาทรัพย์สินโดยอาศัยตำแหน่งเจ้าพนักงาน และความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาตัดสินแย้ง
จำเลยทั้งสามนั่งเรือไปที่แพดูดดำแร่ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 1 กิโลเมตร จำเลยที่ 1 ที่ 3 ขึ้นไปบนแพดูดดำแร่ จำเลยที่ 3 ซึ่งแต่งกายและแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาวุธปืนติดตัวมองเห็นได้บอก ว. ให้ตักแร่ให้ ว. กับพวกกลัว ตักแร่ให้ 1 ถุง น้ำหนัก 20 กิโลกรัมราคาประมาณ 1,200 บาท โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายอย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แต่ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยได้อาศัยการที่จำเลยที่ 3เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาวุธปืนติดตัว ประกอบกับที่เกิดเหตุอยู่ในท้องทะเล ไม่มีผู้ใดจะรู้เห็นหรือช่วยเหลือได้ทันถ้าขัดขืนเป็นการบังคับ ว. กับพวกอยู่ในทีแล้ว ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนใจให้ ว. ต้องตักแร่ให้ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพของ ว. กับพวก เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ส่วนจำเลยที่ 2 มาด้วยกับจำเลยที่ 1, ที่ 3 แม้ขณะเกิดเหตุจะนั่งอยู่ในเรือแต่ก็อยู่ติดกับแพดูดดำแร่เห็นกันชัดเจน แสดงว่าแบ่งหน้าที่กันทำ เมื่อได้แร่แล้วก็กลับไปพร้อมกัน ถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ด้วย
เรือพร้อมเครื่องยนต์ของกลางจำเลยทั้งสามใช้เป็นยานพาหนะไปมาเท่านั้น การกระทำผิดเกิดขึ้นที่บนแพ ไม่เกี่ยวกับเรือและเครื่องยนต์ การที่จำเลยได้แร่มาแล้วบรรทุกเรือไปเป็นเรื่องใช้ยานพาหนะตามปกติ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจเอาทรัพย์สินโดยอาศัยอำนาจหน้าที่และความกลัวของผู้ถูกกระทำ แม้ไม่มีการใช้กำลังโดยตรง
จำเลยทั้งสามนั่งเรือไปที่แพดูดดำแร่ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 1 กิโลเมตร จำเลยที่ 1 ที่ 3 ขึ้นไปบนแพดูดดำแร่ จำเลยที่ 3 ซึ่งแต่งกายและแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาวุธปืนติดตัวมองเห็นได้บอก ว. ให้ตักแร่ให้ ว. กับพวกกลัว ตักแร่ให้ 1 ถุง น้ำหนัก 20 กิโลกรัมราคาประมาณ 1,200 บาท โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายอย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แต่ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยได้อาศัยการที่จำเลยที่ 3เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาวุธปืนติดตัว ประกอบกับที่เกิดเหตุอยู่ในท้องทะเล ไม่มีผู้ใดจะรู้เห็นหรือช่วยเหลือได้ทันถ้าขัดขืนเป็นการบังคับ ว. กับพวกอยู่ในทีแล้ว ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนใจให้ ว. ต้องตักแร่ให้ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพของ ว. กับพวก เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ส่วนจำเลยที่ 2 มาด้วยกับจำเลยที่ 1, ที่ 3 แม้ขณะเกิดเหตุจะนั่งอยู่ในเรือแต่ก็อยู่ติดกับแพดูดดำแร่เห็นกันชัดเจน แสดงว่าแบ่งหน้าที่กันทำ เมื่อได้แร่แล้วก็กลับไปพร้อมกัน ถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ด้วย เรือพร้อมเครื่องยนต์ของกลางจำเลยทั้งสามใช้เป็นยานพาหนะไปมาเท่านั้น การกระทำผิดเกิดขึ้นที่บนแพ ไม่เกี่ยวกับเรือและเครื่องยนต์ การที่จำเลยได้แร่มาแล้วบรรทุกเรือไปเป็นเรื่องใช้ยานพาหนะตามปกติ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยสนับสนุนการปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาแก้เป็นความผิดฐานสนับสนุนแทนการเป็นตัวการ
จำเลยที่ 2 ร่วมไปกับจำเลยที่ 3 กับพวก เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกลงจากรถของ ด. ที่หลังสวนกล้วยห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 580 เมตร เพื่อปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ได้ติดรถของ ด. ไปที่บ้าน บ. และเป็นคนเรียกให้ ด. ขับรถมาคอยรอรับจำเลยที่ 3 กับพวกที่เดิม เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกปล้นทรัพย์เสร็จแล้ววิ่งมาขึ้นรถ จำเลยที่ 2 ก็สั่งให้ ด. ขับรถไปส่งจำเลยที่ 2 กับพวก พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ยังอยู่ห่างไกลกับการเข้าปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 จะมีหน้าที่คอยติดตาม ด. คนขับรถรับจ้างในขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกเข้าทำการปล้นทรัพย์และควบคุมให้นำรถกลับไปคอยรับตามเวลาที่จำเลยที่ 3 กับพวกนัดไว้ จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้อยู่คอยช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกเมื่ออาจเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเพียงการให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แก่จำเลยที่ 3 กับพวกทั้งก่อนและขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์
of 63