คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 86

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 621 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการทำร้ายร่างกายและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
โจทก์บรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนถึงขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ และกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองยังเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามมาตรา 86 อีกด้วย เมื่ออ่านฟ้องทั้งฉบับแล้วจะเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การสนับสนุนการกระทำผิดและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โจทก์บรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนถึงขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุและกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา84ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองยังเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามมาตรา86อีกด้วยเมื่ออ่านฟ้องทั้งฉบับแล้วจะเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากร่วมกันฆ่าเป็นสนับสนุนการกระทำผิด และการยกฟ้องเมื่อลงโทษตามฟ้องไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งเป็นความผิดที่มีการกระทำอย่างเดียว แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้ตาย โดยมิได้กระทำร่วมกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 กระทำโดยลำพังตนเองเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนมีการกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยที่ 3 จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานทำร้ายร่างกายไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายเป็นแต่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกจำเลยที่ 1 ขึ้นว่าพี่พลยิงเลย อันเป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ดังนี้จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดเป็นการแตกต่างกันในสาระสำคัญอย่างมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกจำเลยที่ 1 ขึ้นว่าพี่พลยิงเลย เป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา86 ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ (วรรคนี้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากคำฟ้องเดิมตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นพิจารณา และขอบเขตความรับผิดของผู้สนับสนุนการกระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งเป็นความผิดที่มีการกระทำอย่างเดียวแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่3ได้ชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้ตายโดยมิได้กระทำร่วมกับจำเลยที่1จำเลยที่3กระทำโดยลำพังตนเองเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนมีการกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยที่3จึงลงโทษจำเลยที่3ฐานทำร้ายร่างกายไม่ได้เพราะไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่ โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยที่1ที่2เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่2มิได้ร่วมกับจำเลยที่1ยิงผู้ตายเป็นแต่จำเลยที่2ได้ร้องบอกจำเลยที่1ขึ้นว่าพี่พลยิงเลยอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่1กระทำผิดเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา84ดังนี้จะลงโทษจำเลยที่2ฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นเรื่องที่จำเลยที่2เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่1กระทำผิดเป็นการแตกต่างกันในสาระสำคัญอย่างมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง แต่การที่จำเลยที่2ร้องบอกจำเลยที่1ขึ้นว่าพี่พลยิงเลยเป็นการยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่1กระทำความผิดเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา86ด้วยซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้(วรรคนี้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่6/2529).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น: คำพูดเร้าใจหลังการลงมือ
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนายน.ว่า'ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย'ภายหลังจากที่นายน.ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป1นัดแล้วคำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนายน.ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นายน.กระทำความผิดหากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นายน.ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นายน.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา86.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิด ยุยงเร้าใจหลังลงมือยิง ไม่ถือเป็นตัวการร่วมหรือก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนาย น. ว่า "ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย" ภายหลังจากที่นาย น. ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดแล้ว คำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนาย น. ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นาย น.กระทำความผิด หากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นาย น.ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นาย น. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดยุยงหลังการยิงไม่เป็นความร่วมมือ แต่เป็นสนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนาย น. ว่า "ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย" ภายหลังจากที่นาย น. ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดแล้ว คำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนาย น. ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นายน. กระทำความผิด หากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นายน. ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นาย น. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกและยักย้ายข้าว: การพิจารณาความผิดทางอาญาและบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้รับฝากมีหน้าที่ต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ในการฝากข้าวซึ่งเป็นสังกมะทรัพย์นั้นถ้าผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากก็เป็นเรื่องของการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้แม้ว่าจะมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะว่าคดีสำหรับจำเลยที่1ได้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม ความผิดฐานยักยอกตามป.อ.กับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.การค้าข้าวเป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพ.ร.บ.การค้าข้าวจำเลยก็มีความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ (ข้าว) ความผิดทางอาญาและกฎหมายพิเศษ ผู้สนับสนุนความผิด
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้การฝากข้าวซึ่งเป็นสังหมะทรัพย์นั้นหากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่. เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือแม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะคดีสำหรับจำเลยที่1เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยที่2มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489จำเลยที่2ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกข้าว, ความผิดอาญา, และความผิดตาม พรบ.การค้าข้าว: การลงโทษฐานความผิดหลายบท
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้ การฝากข้าวซึ่งเป็น
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
of 63