พบผลลัพธ์ทั้งหมด 621 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิด: การติดเครื่องรถให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีหลังก่อเหตุยิง เสี่ยงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ล. นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยลงมาพูดทำนองบังคับผู้ตายให้กลับรถของจำเลย ใช้ปืนจี้ท้ายทอยแล้วลั่นไกแต่ กระสุนไม่ลั่น จึงใช้ปืนตีศีรษะ แล้วร้องบอกให้จำเลยติดเครื่องรถรอ จำเลยก็ติดเครื่องรถรอจน ล. มาถึงรถจำเลยแล้วยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด เมื่อขึ้นคร่อมท้ายรถแล้ว ล. ยิงไปอีกหลายนัด ขณะเดียวกันจำเลยก็ขับรถพาหลบหนีไป การติดเครื่องรถรออยู่เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการให้กำลังใจว่าเมื่อยิงแล้วมีโอกาสซ้อนรถจำเลยหลบหนีไปได้ทันท่วงทีและปลอดภัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของ ล. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานครอบครองไม้หวงห้าม: จำเลยเฝ้าไม้ให้ผู้อื่น แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของ
จำเลยทราบว่าไม้หวงห้ามของกลางเป็นไม้ที่มีคนลักลอบตัดแต่มิได้เป็นเจ้าของไม้ของกลาง เพียงแต่รับจ้างเฝ้าเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นและจำเลยถูกจับขณะที่เฝ้าไม้หวงห้ามของกลางอยู่ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้างซึ่งเป็นผู้มีไม้ไว้ในความครอบครองจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เฝ้าไม้ลักลอบตัดไม้หวงห้าม ไม่ใช่เจ้าของไม้ แต่มีความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยทราบว่าไม้หวงห้ามของกลางเป็นไม้ที่มีคนลักลอบตัดแต่มิได้เป็นเจ้าของไม้ของกลาง เพียงแต่รับจ้างเฝ้าเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นและจำเลยถูกจับขณะที่เฝ้าไม้หวงห้ามของกลางอยู่ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้างซึ่งเป็นผู้มีไม้ไว้ในความครอบครอง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดยาเสพติด: จำเลยที่ 2 ช่วยซ่อนยาเสพติดของจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานสนับสนุน
มอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ยังคงครอบครองมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางอยู่จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครอง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางกำลังกระทำความผิดตามฟ้องอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับกุมจำเลยที่ 2 ซึ่งทราบว่ากล่องกระดาษที่จำเลยที่ 1 หิ้วมามียาเสพติดให้โทษของกลางบรรจุอยู่จึงช่วยเหลือจำเลยที่ 1 โดยช่วยยกขยับแท็งก์น้ำเพื่อให้จำเลยที่ 1 เอากล่องกระดาษดังกล่าวใส่ในช่องใต้แท็งก์น้ำ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับใบอนุญาต
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางกำลังกระทำความผิดตามฟ้องอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับกุมจำเลยที่ 2 ซึ่งทราบว่ากล่องกระดาษที่จำเลยที่ 1 หิ้วมามียาเสพติดให้โทษของกลางบรรจุอยู่จึงช่วยเหลือจำเลยที่ 1 โดยช่วยยกขยับแท็งก์น้ำเพื่อให้จำเลยที่ 1 เอากล่องกระดาษดังกล่าวใส่ในช่องใต้แท็งก์น้ำ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับใบอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ไม่มีส่วนร่วมในการครอบครอง
มอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ยังคงครอบครองมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางอยู่จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครอง จึงถือ ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางกำลังกระทำความผิดตามฟ้องอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับกุม จำเลยที่ 2 ซึ่งทราบว่ากล่องกระดาษที่จำเลยที่ 1 หิ้วมามียาเสพติดให้โทษของกลางบรรจุอยู่จึงช่วยเหลือจำเลยที่ 1 โดยช่วยยกขยับแท็งก์น้ำเพื่อให้จำเลยที่ 1 เอากล่องกระดาษดังกล่าวใส่ในช่องใต้แท็งก์น้ำการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับใบอนุญาต
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางกำลังกระทำความผิดตามฟ้องอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับกุม จำเลยที่ 2 ซึ่งทราบว่ากล่องกระดาษที่จำเลยที่ 1 หิ้วมามียาเสพติดให้โทษของกลางบรรจุอยู่จึงช่วยเหลือจำเลยที่ 1 โดยช่วยยกขยับแท็งก์น้ำเพื่อให้จำเลยที่ 1 เอากล่องกระดาษดังกล่าวใส่ในช่องใต้แท็งก์น้ำการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีมอร์ฟีนและโคเดอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับใบอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3710/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่คืน น.ส.3 ตามระเบียบ ไม่ถือเป็นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แม้จะนำไปขายฝาก
การรังวัดแบ่งแยกที่ดินปกติจะไม่เก็บ น.ส.3 ฉบับเจ้าของที่ดินไว้ จะเรียกให้นำมาอีกครั้งหนึ่งในวันจดทะเบียนแบ่งแยก ดังนั้นเมื่อ จำเลยที่ 1 และโจทก์ยื่นเรื่องราวขอแบ่งขายที่ดิน การที่จำเลยที่ 1 ไปขอรับ น.ส.3 ที่ยื่นไว้คืน โดยสัญญาว่าจะนำมาคืนในภายหลัง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องราวและเป็นผู้ไปรังวัดตามคำสั่ง ของที่ดินอำเภอคืนให้ไป จึงมิได้เป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อระเบียบหรือ ผิดต่อหน้าที่หรือไม่ชอบด้วยหน้าที่อย่างไร จำเลยที่ 1 รับคืนไปแล้วไปโอนขายฝากจนที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อ เป็นเรื่องผิดสัญญา แบ่งขายต่อโจทก์เท่านั้น จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นราษฎรย่อมไม่มีความผิดด้วย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุ ในลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาถึงจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเอาทรัพย์, กรรมต่างกัน, เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว.ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท. และบ้านของ ส. ข่มขู่เรียกเอาเงินจาก ท. และ ส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท. และ ส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของ ว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจเรียกทรัพย์หลายกรรมต่างกัน ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาแยกการกระทำเป็นหลายกรรม
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว. ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท.และบ้านของส.ข่มขู่เรียกเอาเงินจากท.และส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท.และส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานชิงทรัพย์ ผู้สนับสนุนการกระทำผิด ความรับผิดของผู้จ้างวาน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 1 คน ทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 1 กับ ห. ทำร้ายจนสลบแล้วบุคคลทั้งสองเอาเงินไป อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างจำเลยที่ 1 กับ ห. และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยการเรียกผู้เสียหายให้กลับบ้านแต่โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ความผิดดังกล่าวอยู่ในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลปรับบทลงโทษถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ผู้ใช้และผู้สนับสนุนต้องรับโทษตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 1 คน ทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 1 กับ ห. ทำร้ายจนสลบแล้วบุคคลทั้งสองเอาเงินไป อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างจำเลยที่ 1กับ ห. และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยการเรียกผู้เสียหายให้กลับบ้านแต่โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ความผิดดังกล่าวอยู่ในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลปรับบทลงโทษถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย