พบผลลัพธ์ทั้งหมด 621 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข่มขืนใจเอาทรัพย์ และความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 เป็นพลตำรวจสมัครประจำกองตำรวจภูธร ลามากิจธุระ ไม่แต่งเครื่องแบบ แต่มีเข็มขัดตำรวจคาดอยู่ จำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายซึ่งจับปลาในลำน้ำชีอันเป็นที่สาธารณะในฤดูปลามีไข่ อันเป็นความผิดต่อกฎหมายว่า ถ้าไม่ให้จับก็ให้ให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เสีย ผู้เสียหายกลัว จึงยอมให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เช่นนี้ แม้ในทางปฏิบัติกรมตำรวจได้วางระเบียบไว้ว่า พลตำรวจภูธรประจำกองตำรวจภูธรจะสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตจังหวัดนั้น จะต้องมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองขึ้นไปก็ดี แต่เมื่อมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยไว้ว่า พลตำรวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ที่ใดแม้จะเป็นนอกเขตอำนาจของพลตำรวจผู้นั้น ถ้าปรากฏว่ามีผู้กระทำผิดซึ่งหน้าพลตำรวจภูธรผู้นั้นก็มีอำนาจจับได้ ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบปลาให้เป็นประโยชน์แก่ตน
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่า ทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับ และในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อม ๆ กันด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่า ทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับ และในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อม ๆ กันด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการปล้นทรัพย์และการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมมือกับพวกกระทำความผิด เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกกระทำความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้น จำเลยพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบ ซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยเป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.83 แล้ว ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้อง และการกระทำดังกล่าวของจำเลยมิใช่มีผิดเพียงฐานสมรู้ เพราะจำเลยมิใช่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเท่านั้น แต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นมาแต่ต้นโดยตลอด
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้น จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้ว เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้น จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้ว เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมปล้นทรัพย์: การกระทำแจ้งสัญญาณอันตรายถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนและร่วมกระทำความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ร่วมมือกับพวกกระทำความผิดเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องแม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้น จำเลยเพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จเช่นนี้เรียกได้ว่าจำเลยเป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แล้ว ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้องและการกระทำดังกล่าวของจำเลยมิใช่มีผิดเพียงฐานสมรู้ เพราะจำเลยมิใช่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเท่านั้นแต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นมาแต่ต้นโดยตลอด
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้นจำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้วเช่นนี้จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้นจำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้วเช่นนี้จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์: ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 1 แม้ไม่ได้ฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสมคบกันชิงทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นการนำบทบัญญัติสนับสนุนความผิดมาใช้กับความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นการพนันไพ่ผ่องไม่รับอนุญาตเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้เข้าเล่นพนันแม้จำเลยที่ 1 รับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานสมรู้หรือสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ไม่ได้เพราะแม้ว่าประมวลกฎหมายอาญา ม.17 ให้นำบทบัญญัติในภาค1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ก็ตาม. แต่ข้อความในตอนท้ายแห่ง ม.17 นี้เองก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า.'เว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น'. กรณีสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดให้มีการเล่นพนันก็ได้มี พ.ร.บ.การพนันพ.ศ.2478 ม.4,12 บัญญัติความผิดไว้เป็นอย่างอื่นชัดแจ้งแล้ว. จึงเข้าข้อยกเว้นที่จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.86 มาใช้ หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นการใช้บทสนับสนุนความผิดอาญาในความผิด พ.ร.บ.การพนัน ผู้จัดให้เล่นพนันไม่ต้องรับโทษฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นการพนันไพ่ผ่องไม่รับอนุญาตเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้เข้าเล่นพนัน แม้จำเลยที่ 1 รับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐาน สมรู้หรือสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลก.ม. อาญา ม. 86 ไม่ได้ เพราะแม้ว่าประมวล ก.ม. อาญา ม.17 ให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวล ก.ม. อาญา มาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ก็ตาม แต่ข้อความในตอนท้ายแห่ง ม. 17 นี้เองก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า "เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น" กรณีสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดให้มีการเล่นพนันก็ได้มี พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 ม. 4, 12 บัญญัติความผิดไว้เป็นอย่างอื่นชัดแจ้งแล้ว จึงเข้าข้อยกเว้นที่จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 86 มาใช้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดชิงทรัพย์: ผู้สมรู้ต้องรับผิดร่วมกับตัวการในการคืนทรัพย์
ผู้ที่มีผิดแม้เพียงฐานสมรู้ ก็ต้องร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับผู้ที่มีผิดฐานเป็นตัวการด้วยเหมือนกัน
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความผิดต่อส่วนตัว: การแจ้งความล่าช้าเกิน 3 เดือน ทำให้คดีขาดอายุความ
+ดีความผิดต่อส่วนตัวเมื่อเจ้าทุกข์รู้เรื่องความผิดและรู้จักตัวผู้กระทำผิดแล้วไม่ร้องทุกข์เสียภายในกำหนด 3 เดือนคดีขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิด และตัวผู้กระทำผิดในเดือนเมษายนในชั้นฎีกาโจทก์จะขอให้ศาลถือตามคำเบิกความของเจ้าทุกข์ว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิดและรู้ตัวผู้ทำผิดในเดือนสิงหาคม โดยโจทก์มิได้ขออนุญาตแก้ฟ้องเสียแต่ในศาลชั้นต้นไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิด และตัวผู้กระทำผิดในเดือนเมษายนในชั้นฎีกาโจทก์จะขอให้ศาลถือตามคำเบิกความของเจ้าทุกข์ว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิดและรู้ตัวผู้ทำผิดในเดือนสิงหาคม โดยโจทก์มิได้ขออนุญาตแก้ฟ้องเสียแต่ในศาลชั้นต้นไม่ได้