พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,272 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนา, การสมคบ, และความรับผิดเฉพาะตน
จำเลยพูดต่อว่าและให้ผู้ตายซึ่งติดเฮโรอีนออกไปจากบ้านแล้วเกิดโต้เถียง กัน ขณะนั้นมีนาย ถ. คนรู้จักกันอยู่ที่บ้านจำเลยด้วยตอนจะออกไปผู้ตายพูดว่า "ทีใครทีมัน อย่าไปถิ่นกูก็แล้วกัน" จำเลยโมโห จึงตามผู้ตายไป มีนาย ถ. ตามไปด้วย ครั้นวิ่งไล่เข้าไปในกระต๊อบของนาง ป. จำเลยใช้ไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือ ยาวประมาณ1 ศอก ตีศีรษะผู้ตาย 1 ที บาดแผลฉีก กะโหลกศีรษะไม่มีรอยแตกร้าวนาย ถ.แทงผู้ตาย1ทีถูกที่ตับ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเมื่อนาง ป. ร้องให้คนช่วย จำเลยกับนาย ถ. วิ่งหนีไปทางเดียวกันไม่ปรากฏว่าการโต้เถียง มีความรุนแรงถึงกับทำให้จำเลยโกรธแค้นเพียงใด ไม่ได้ความว่าจำเลยวางแผนหรือชักชวนหรือบอกให้นาย ถ.ไปร่วมฆ่าผู้ตาย เป็นเรื่องนาย ถ. ตามไปเอง ไม้ที่จำเลยใช้ตีไม่ใหญ่โต ถึงขนาดใช้ตีให้เกิดแผลฉกรรจ์ถึงตาย ได้ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบร่วมกันกับพวกฆ่าผู้ตายโดยเจตนา กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ จำเลยคงต้องรับผิดจากผลเฉพาะ ที่ตน กระทำจึงเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงเจตนาฆ่า บาดแผลเล็กน้อย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
จำเลยใช้มีดสำหรับปอกผลไม้ใบมีดกว้างครึ่งนิ้วยาว 4 นิ้วแทงผู้เสียหายที่ชายโครงด้านซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลลึกเพียง 2เซนติเมตร ยาว 1.5 เซนติเมตร แทงขณะจำเลยเมาสุราแล้วปล่อยมีดหลบหนีไป แสดงว่าไม่ต้องการแทงซ้ำ ผู้เสียหายทำแผลแล้วแพทย์ให้กลับบ้านได้และไปทำแผลอยู่ 4 วัน ก็ไม่ต้องไปอีก แสดงว่าบาดเจ็บเล็กน้อย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: บาดแผลเล็กน้อย ไม่แสดงเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดสำหรับปอกผลไม้ใบมีดกว้างครึ่งนิ้วยาว 4 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงด้านซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลลึกเพียง 2 เซนติเมตร ยาว 1.5 เซนติเมตร แทงขณะจำเลยเมาสุราแล้วปล่อยมีดหลบหนีไป แสดงว่าไม่ต้องการแทงซ้ำ ผู้เสียหายทำแผลแล้วแพทย์ให้กลับบ้านได้และไปทำแผลอยู่ 4 วัน ก็ไม่ต้องไปอีก แสดงว่าบาดเจ็บเล็กน้อย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การกระทำจ่อปืนขู่ ไม่ถึงขั้นลงมือจริง
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวกระชากลูกเลื่อนให้กระสุนปืนเข้ารังเพลิงพร้อมยิงแล้วจ่อปืนที่หน้าอกผู้เสียหายห่างราว 1 คืบพร้อมกับพูดว่า มึงตาย เสียเถอะ ขณะนั้นผู้เสียหายนั่งดู โทรทัศน์อยู่กับพื้น หากจำเลยจะยิงจริงก็ยิงได้ จำเลยกับผู้เสียหายนับถือกันเพิ่งมีเรื่องขัดใจกันเพียงเล็กน้อยเพราะผู้เสียหายทวงเงินค่าเบียร์ 30 บาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงแต่มีเจตนาขู่ให้ผู้เสียหายตกใจกลัว ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหลังพ้นภัยอันตราย การกระทำเกินกว่าป้องกันตนเอง เป็นความผิดฐานฆ่าคนตาย
ผู้ตายใช้มีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนไล่ฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่1 จึงใช้ปืนแก็ปยิงผู้ตาย 1 นัดขณะที่อยู่ห่างกันประมาณ 4 วา ผู้ตายวิ่งหนีไป 2 วาก็ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนลูกซองยาวจากจำเลยที่ 2 มายิงซ้ำอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกแล้วจำเลยทั้งสองนำผู้ตายไปทิ้งลงเหว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายหลังจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหลังพ้นอันตราย การกระทำเกินกว่าป้องกันตัว และอำนาจฟ้องกรณีไม่มีชันสูตรพลิกศพ
ผู้ตายใช้มีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนไล่ฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่1 จึงใช้ปืนแก็ปยิงผู้ตาย 1 นัดขณะที่อยู่ห่างกันประมาณ 4วา ผู้ตายวิ่งหนีไป 2 วาก็ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนลูกซองยาวจากจำเลยที่ 2 มายิงซ้ำอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกแล้วจำเลยทั้งสองนำผู้ตายไปทิ้งลงเหว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายหลังจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดถางไร่ฟันถูกที่ศีรษะผู้เสียหายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย แม้จะฟันเพียงทีเดียว แต่ปรากฏว่ากะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าจำเลยพันโดยแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าการที่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย แม้ไม่สำเร็จผล การกระทำเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดถางไร่ฟันถูกที่ศีรษะผู้เสียหายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย แม้จะฟันเพียงทีเดียว แต่ปรากฏว่ากะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าจำเลยพันโดยแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าการที่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ประกอบ การพูดข่มขู่เพียงอย่างเดียวไม่พอฟัง
การที่จำเลยชักมีดปลายแหลมยาวทั้งตัวด้ามประมาณ 1 ศอกออกมาแล้วพูดขึ้นว่า'มึงตายเสียเถอะ'จะถือเอาเป็นจริงจังตามคำพูดนั้นไม่ได้ ต้องดูพฤติการณ์อื่นที่เกิดขึ้นประกอบด้วยฉะนั้นแม้จำเลยจะใช้มีดแทง ส.และท. ก็ตามแต่จำเลยก็หาได้พยายามที่จะทำให้บุคคลทั้งสองได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่จำเลยมีโอกาสจะกระทำได้ เพราะเมื่อคนทั้งสองล้มแล้ว จำเลยก็มิได้แทงซ้ำเติมแต่อย่างใดและลักษณะบาดแผลที่คนทั้งสองได้รับก็ไม่มีลักษณะฉกรรจ์พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวประกอบกับที่ต่อมาจำเลยได้ไล่แทง ฉ.แต่ฉ.หลบหนีไปได้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ส.และท. และพยายามทำร้ายร่างกายฉ. เท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการบันดาลโทสะ: การแทงที่ช่องท้องโดยเล็งเป้าอวัยวะสำคัญถือเป็นเจตนาฆ่า ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ 17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72