คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 59

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,272 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่า และการเพิ่มโทษโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์
จำเลยเมาสุราขนาดหนักต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาลไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเพียงพยายามฆ่าผู้เสียหายในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ใช่เจ้าพนักงาน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียวโจทก์มิได้อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตจำคุก6เดือนและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายปรับ100บาทอีก2กระทงด้วยย่อมไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นนอกเหนือจากที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการเพิ่มเติมโทษที่มิชอบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยเมาสุราขนาดหนัก ต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาล ไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเพียงพยายามฆ่าผู้เสียหายในฐานบุคคลธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงาน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวาย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาต จำคุก 6 เดือนและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวาย ปรับ 100 บาท อีก 2 กระทงด้วย ย่อมไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ถือเป็นความพยายามฆ่า แม้ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณหนึ่งคืบใบมีดกว้างขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือแทงผู้เสียหายครั้งแรกถูกที่ข้อศอกซ้าย แล้วแทงซ้ำถูกที่บริเวณเหนือราวนมด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญ ลึกถึงกระดูกซี่โครง เยื่อหุ้มปอดฉีกขาด ปอดข้างซ้ายแฟบลง ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติประกอบกับรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องปรากฏว่าถ้าผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาโดยทันทีด้วยการเจาะปอด จะถึงแก่ความตายเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายให้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากบาดแผลสาหัส: การแทงที่หน้าอกจนปอดแฟบเข้าข่ายพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณหนึ่งคืบ ใบมีดกว้างขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แทงผู้เสียหาย ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกซ้าย แล้วแทงซ้ำถูกที่บริเวณเหนือราวนมด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญ ลึกถึงกระดูกซี่โครง เยื่อหุ้มปอดฉีกขาด ปอดข้างซ้ายแฟบลง ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องปรากฏว่าถ้าผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาโดยทันทีด้วยการเจาะปอด จะถึงแก่ความตาย เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายให้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2942/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าและเหตุชุลมุน
จำเลยกับพวกอีก 3 คน กลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว โดยผู้ตายมิได้สมัครใจเข้าต่อสู้ด้วย การที่ผู้ตายต่อสู้ปัดป้องจึงมิใช่การร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
ผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงเพียงแผลเดียว แม้จะถูกที่สำคัญ แต่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นขณะชุลมุนกัน ไม่รู้ว่าใครแทงและแทงในลักษณะใด (สาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเป็นเพียงสาเหตุที่จำเลยกับพวกเข้าทำร้ายผู้ตายเท่านั้น) พฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2890-2891/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาความผิดทางอาญา: การกระทำที่ขาดเจตนาเนื่องจากความเข้าใจผิดจากเจ้าหน้าที่
หลังจากทางราชการเข้าไปรังวัดเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วทางราชการมิได้แจ้งหรือฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกจากป่าสงวนแห่งชาติ แต่กลับออกประกาศกำหนดให้ผู้ครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองเพื่อจะพิจารณาสอบสิทธิของผู้ครอบครองที่ดิน จำเลยก็ยื่นคำร้องว่าตนมีสิทธิในที่ดินที่ครอบครองภายในกำหนด นอกจากนี้ทางราชการยังเรียกประชุมราษฎรห้ามมิให้บุกเบิกป่าสงวนแห่งชาติต่อไป คงให้ทำกินเฉพาะที่ทำกินอยู่แล้วจึงทำให้จำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำกินในที่ดินที่ตนยึดถือครอบครองอยู่จนกว่าทางราชการจะสอบสิทธิของจำเลยเสร็จและแจ้งผลการสอบสิทธิให้จำเลยทราบว่าจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าต่อมาทางราชการแจ้งผลการสอบสิทธิว่าจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดิน ที่จำเลยยึดถือครอบครองอยู่แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2890-2891/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาความผิดทางอาญา: การกระทำโดยเชื่อว่ามีสิทธิทำกิน หากไม่มีการแจ้งผลสอบสิทธิ ย่อมขาดเจตนา
หลังจากทางราชการเข้าไปรังวัดเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วทางราชการมิได้แจ้ง หรือฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกจากป่าสงวนแห่งชาติ แต่กลับออกประกาศกำหนดให้ผู้ครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองเพื่อจะพิจารณาสอบสิทธิ์ของผู้ครอบครองที่ดิน จำเลยก็ยื่นคำร้องว่าตนมีสิทธิ์ในที่ดินที่ครอบครองภายในกำหนด นอกจากนี้ทางราชการยังเรียกประชุมราษฎรห้ามมิให้บุกเบิกป่าสงวนแห่งชาติต่อไป คงให้ทำกินเฉพาะที่ทำกินอยู่แล้ว จึงทำให้จำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิ์ทำกินในที่ดินที่ตนยึดถือครอบครองอยู่จนกว่าทางราชการจะสอบสิทธิ์ของจำเลยเสร็จและแจ้งผลการสอบสิทธิ์ให้จำเลยทราบว่าจำเลยไม่มีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าต่อมาทางราชการแจ้งผลการสอบสิทธิ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิ์ในที่ดินที่จำเลยยึดถือครอบครองอยู่แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงปืนเข้ากลุ่มคนบนเรือ แม้ไม่ถูกตัว แต่เล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย ถือเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยยิงปืนเข้าไปในกลุ่มคนที่นั่งโดยสารในเรือ เมื่อเรือถอยห่างออกมาประมาณ 1 วา โดยยิงถูกที่หัวเรือ1 นัด ห่างคนที่นั่งหัวเรือประมาณ 2 ศอก การยิงปืนในลักษณะเช่นนี้ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจไปถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำความผิด: การยิงเพื่อหยอกล้อ ไม่ใช่เจตนาฆ่า
ผู้เสียหายเคยเลี้ยงดูจำเลยมาตั้งแต่จำเลยยังเป็นเด็กและเป็นผู้ที่จำเลยรักใคร่นับถือไม่ได้พบกันมานานและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เมื่อจำเลยพบผู้เสียหาย จำเลยรู้สึกอยากจะหยอกเล่นและทำให้ผู้เสียหายตกใจประกอบกับความคึกคะนองและความมึนเมาสุราจำเลยจึงเข้าไปยืนใกล้และใช้อาวุธปืนสั้นของจำเลยยิงไปทางที่ผู้เสียหายนอนตะแคงอยู่บนเรือนหันหน้ามาทางจำเลย 1 นัด กระสุนปืนถูกฝาเรือนเหนือไหล่ซ้ายผู้เสียหาย 7 นิ้วฟุต ดังนี้น่าเชื่อว่าจำเลยตั้งใจจะหยอกล้อผู้เสียหายเล่น หาใช่เพราะตั้งใจจะฆ่าแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการยิงปืน: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการหยอกล้อเล่น ไม่ใช่เจตนาฆ่า
ผู้เสียหายเคยเลี้ยงดูจำเลยมาตั้งแต่จำเลยยังเป็นเด็กและเป็นผู้ที่จำเลยรักใคร่นับถือ ไม่ได้พบกันมานานและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เมื่อจำเลยพบผู้เสียหาย จำเลยรู้สึกอยากจะหยอกเล่นและทำให้ผู้เสียหายตกใจประกอบกับความคึกคะนองและความมึนเมาสุราจำเลยจึงเข้าไปยืนใกล้และใช้อาวุธปืนสั้นของจำเลยยิงไปทางที่ผู้เสียหายนอนตะแคงอยู่บนเรือนหันหน้ามาทางจำเลย 1 นัด กระสุนปืนถูกฝาเรือนเหนือไหล่ซ้ายผู้เสียหาย 1 นิ้วฟุต ดังนี้ น่าเชื่อว่าจำเลยตั้งใจจะหยอกล้อผู้เสียหายเล่น หาใช่เพราะตั้งใจจะฆ่าแต่อย่างใดไม่
of 128