คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 309 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลเรื่องรวมหรือแยกขายทอดตลาดเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง ศาลไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง แล้วขายแยกทีละแปลงเพื่อให้ขายทรัพย์สินได้ในราคาที่สูงขึ้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจแยกการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอได้ เนื่องจากที่ดินทั้งสามแปลงเป็นส่วนประกอบของสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการโรงแรม การแยกขายที่ดินไม่มีประโยชน์แก่การบังคับคดีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลชี้ขาดเรื่องรวม/แยกขายทรัพย์สินบังคับคดีเป็นที่สุด ห้ามอุทธรณ์/ฎีกา
จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง ตามสภาพที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง แล้วแยกขายทีละแปลง ในวันไต่สวนจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้ตรวจคำร้อง คำคัดค้านของโจทก์และคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 4 จึงให้งดไต่สวน แล้วให้คู่ความรอฟังคำสั่ง จากนั้นได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 4 อันเป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสองแล้ว ปัญหาที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ได้ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 4 ก่อนมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าว และไม่มีคำสั่งให้เลื่อนคดีตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 4 เป็นการไม่ชอบนั้น ล้วนเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นเพื่อนำไปสู่การโต้แย้งว่าคำสั่งชี้ขาดของศาลชั้นต้นในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดซึ่งเป็นที่สุดแล้วไม่ชอบ คำสั่งของศาลชั้นต้นในปัญหาดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4507/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดก่อนศาลมีคำสั่งชี้ขาดเรื่องรวม/แยกทรัพย์สินเป็นโมฆะ
ในชั้นบังคับคดี จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแยกขายที่ดินทีละแปลง โดยอ้างว่าการขายที่ดินบางแปลงอาจจะได้เงินมาพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากขายรวมกันทุกแปลงแล้วจำเลยที่ 1จะเสียหายมาก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการชั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวมิใช่คำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดอันจะทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะเลื่อนการขายทอดตลาดไปจนกว่าศาลจะได้มีคำสั่งชี้ขาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไปในขณะที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการกระทำโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดี จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยื่นคำร้องขอ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดได้ตามมาตรา 296 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4507/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: คำสั่งศาลต้องเป็นที่สุดก่อน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงจะขายได้
คำสั่งของศาลที่จะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคสอง จะต้องเป็นกรณีที่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรวมหรือแยกทรัพย์สินหรือขอให้ขายทรัพย์สินนั้นตามลำดับที่กำหนดไว้ หรือร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 309(1)(2) หรือ (3) และเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำร้องขอหรือคำคัดค้านเช่นว่านั้น ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องภายใน 2 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งชี้ขาดในเรื่องนั้น คำสั่งชี้ขาดของศาลจึงจะเป็นที่สุดแต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการชั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อน ให้ยกคำร้อง จึงมิใช่คำสั่งชี้ขาดในเรื่องรวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด อันจะทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว เมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้น มิใช่คำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด อันจะทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบที่จะเลื่อนการขายทอดตลาดไปจนกว่าศาลจะได้มีคำสั่งชี้ขาดในเรื่องนี้ตามมาตรา 309 วรรคสองและจำเลยที่ 1 ก็ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมไม่มีอำนาจขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ไปในระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งของศาลในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดซึ่งเป็นที่สุด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไปในขณะที่คดีเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เช่นนี้จึงเป็นการกระทำโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดี จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา296 วรรคสอง ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในคำร้องเป็นลายมือปลอมนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4507/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: คำสั่งศาลต้องเป็นที่สุดก่อนการขายทอดตลาด การกระทำโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติมีผลให้เพิกถอนการขายได้
คำสั่งของศาลที่จะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคสอง จะต้องเป็นกรณีที่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรวมหรือแยกทรัพย์สินหรือขอให้ขายทรัพย์สินนั้นตามลำดับที่กำหนดไว้ หรือร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 309(1)(2) หรือ (3) และเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำร้องขอหรือคำคัดค้านเช่นว่านั้น ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องภายใน 2 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งชี้ขาดในเรื่องนั้น คำสั่งชี้ขาดของศาลจึงจะเป็นที่สุดแต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการชั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อน ให้ยกคำร้อง จึงมิใช่คำสั่งชี้ขาดในเรื่องรวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด อันจะทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว
เมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้น มิใช่คำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด อันจะทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบที่จะเลื่อนการขายทอดตลาดไปจนกว่าศาลจะได้มีคำสั่งชี้ขาดในเรื่องนี้ตามมาตรา 309 วรรคสองและจำเลยที่ 1 ก็ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมไม่มีอำนาจขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ไปในระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งของศาลในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดซึ่งเป็นที่สุด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไปในขณะที่คดีเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เช่นนี้จึงเป็นการกระทำโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดี จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา296 วรรคสอง
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในคำร้องเป็นลายมือปลอมนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้