พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากสัญญาซื้อขายหุ้น: 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 และประเด็นเอกสารไม่ติดอากรแสตมป์
การที่จำเลยรับเงินค่าซื้อหุ้นไว้จากสามีโจทก์ เป็นการรับไว้โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ กรณีจึงไม่เป็นเรื่องลาภมิควรได้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืน เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์คืน ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องอยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
ข้อที่จำเลยให้การไว้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อต่อสู้นั้นแล้ว จึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อที่จำเลยให้การไว้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อต่อสู้นั้นแล้ว จึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากการซื้อขายหุ้น และการใช้เอกสารหลักฐานที่ไม่ติดอากรแสตมป์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงขายหุ้นของบริษัท อ. ให้แก่สามีโจทก์ แต่จำเลยไม่โอนหุ้นที่ตกลงซื้อขายให้แก่สามีโจทก์จนกระทั่งสามีโจทก์ได้ถึงแก่กรรม โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของสามีไม่ประสงค์จะซื้อหุ้นดังกล่าวอีก ทั้งการซื้อขายหุ้นมิได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นโมฆะ โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นแล้ว ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินค่าซื้อหุ้นแก่โจทก์ ดังนี้เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และกรณีไม่ใช่ลาภมิควรได้เพราะการที่จำเลยรับเงินค่าซื้อหุ้นไว้จากสามีโจทก์เป็นการรับไว้ โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จึงนำกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 มาใช้แก่คดีนี้ไม่ได้
บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 206 ลงวันที่ 15 กันยายน 2519 ข้อ 19 มิได้กำหนดให้ใบรับเงินค่าซื้อหุ้นบริษัทต้องปิดอากรแสตมป์ ดังนั้น ใบรับเงินค่าซื้อหุ้นแม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
ข้อที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท และจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 206 ลงวันที่ 15 กันยายน 2519 ข้อ 19 มิได้กำหนดให้ใบรับเงินค่าซื้อหุ้นบริษัทต้องปิดอากรแสตมป์ ดังนั้น ใบรับเงินค่าซื้อหุ้นแม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
ข้อที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท และจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3720/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดหลังได้รับค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยต่อ ไม่เป็นลาภมิควรได้
จำเลยฟ้องโจทก์ผู้ทำละเมิดเรียกค่าเสียหายในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย เงินที่จำเลยได้รับจากโจทก์ผู้ทำละเมิด คืนให้ผู้รับประกันภัยต่อแล้ว เป็นการชำระหนี้ที่มีมูลอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นลาภมิควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยสมัครใจของผู้ซื้อก่อนผิดสัญญา ทำให้ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทรัพย์สินที่ถมลงในที่ดิน
การที่โจทก์ใใช้ทราย ดินลูกรัง และดิน ถมลงในที่ดินที่โจทก์จะซื้อจากจำเลย โดยจำเลยรู้เห็นยินยอม อันเป็นการกระทำโดยสมัครใจของโจทก์ เพราะโจทก์เชื่อว่าตนจะไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ แม้จำเลยจะได้ทรัพย์ดังกล่าวมาในฐานลากมิควรได้ และจำเลยว่าถ้าโจทก์จะขุดเอาดินที่ถมในที่ดินก็ยอมให้ขุดเอาไปได้ก็ตาม แต่เมื่อต่อมาโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแก่โจทก์โดยชอบแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาทราย ดินลูกรัง และดินที่ถมไว้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทแก้ไขจำนวนเงิน ผู้ทรงโดยชอบมีสิทธิเรียกร้องเฉพาะจำนวนเดิม การรับเงินเกินถือเป็นรับโดยปราศจากมูล
เช็คพิพาทถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญเกี่ยวกับจำนวนเงินให้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ประจักษ์ และผู้สั่งจ่ายไม่รู้เห็นยินยอมด้วยจำเลยที่ 1 ผู้ทรงโดยชอบย่อมมีสิทธิบังคับการใช้เงินจากผู้สั่งจ่ายได้เพียงจำนวนเงินเดิมอันเป็นคำสั่งของผู้สั่งจ่ายเท่านั้น ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 987,1007 วรรคสองส่วนเงินจำนวนที่เกินไปจากนั้นเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
ขณะที่จำเลยที่ 1 นำเช็คพิพาทมาเรียกเก็บเงินจากธนาคารโจทก์ การแก้ไขจำนวนเงินไม่ประจักษ์ และธนาคารโจทก์เชื่อว่าผู้สั่งจ่ายออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีตามจำนวนที่มีการแก้ไข ธนาคารโจทก์มิได้จ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 รับไปตามอำเภอใจ จำเลยทั้งสองจึงต้องคืนเงินส่วนที่รับเกินมาให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ
ขณะที่จำเลยที่ 1 นำเช็คพิพาทมาเรียกเก็บเงินจากธนาคารโจทก์ การแก้ไขจำนวนเงินไม่ประจักษ์ และธนาคารโจทก์เชื่อว่าผู้สั่งจ่ายออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีตามจำนวนที่มีการแก้ไข ธนาคารโจทก์มิได้จ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 รับไปตามอำเภอใจ จำเลยทั้งสองจึงต้องคืนเงินส่วนที่รับเกินมาให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ ราคาสินไถ่เป็นโมฆะตามไปด้วย ผู้รับซื้อฝากต้องคืนเงินสินไถ่ที่รับไว้
สัญญาขายฝากฉบับที่ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ ราคาสินไถ่ที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ และทำให้รายการผ่อนชำระราคาสินไถ่ตามสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะไปด้วย ทั้งไม่สามารถแยกออกต่างหาก ให้เป็นส่วนที่สมบูรณ์ได้ส่วนเงินสินไถ่บางส่วนที่จำเลยรับไว้ก็เพื่อผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ขายฝากตามสัญญาฉบับที่จดทะเบียนนั้น เมื่อโจทก์ไม่สามารถจะไถ่ที่ดินที่ขายฝากคืนเพราะเกินกำหนดเวลาไถ่จำเลยผู้รับซื้อฝากต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมขายฝากเป็นโมฆะเมื่อมีเจตนาลวงเพื่อนำไปจำนอง โจทก์มีสิทธิเรียกคืนที่ดิน
โจทก์ประสงค์จะจำนองที่พิพาทแต่ถ้าโจทก์จำนองด้วยตนเองจะไม่ได้เงินมากตามจำนวนที่ต้องการ จึงได้ตกลงทำเป็นจดทะเบียนขายฝากที่พิพาทไว้กับจำเลยก่อน แล้วให้จำเลยนำที่ดินไปจำนองบริษัท ท. ซึ่งผู้จัดการเป็นญาติกับจำเลยเอาเงินมาให้โจทก์ ดังนี้ นิติกรรมขายฝากดังกล่าวเป็นเพียงเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยนำที่พิพาทไปจำนองเท่านั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118คือไม่มีสัญญาขายฝากต่อกัน ที่พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์มีอำนาจเรียกที่พิพาทคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ จำเลยมีหน้าที่คืนที่พิพาทและโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม เงินที่โจทก์ได้มาไม่ใช่เงินของจำเลยอันโจทก์จะพึงคืนให้แก่จำเลย แต่เป็นเงินซึ่งโจทก์จะต้องชำระคืนให้แก่ผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรงส่วนจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นย่อมเป็นไปตามมูลหนี้ที่ปรากฏอยู่ในสัญญาจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลาภมิควรได้จากการรับเงินค่าเสียหายคดีขับไล่ เมื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินเปลี่ยนมือ
จำเลยชนะคดีที่ฟ้องขับไล่ ส. ได้รับเงินที่ ส. กับผู้รับมรดกความของ ส. อันเป็นค่าเสียหายระหว่างคดีเดือนละ 100 บาท ไปรวม 8,700 บาทโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งว่าที่ดินเป็นของโจทก์โดยครอบครองปรปักษ์เงินที่จำเลยรับไปจากศาลเป็นเงินที่รับไปโดยมีมูลตามกฎหมายไม่ใช่ลาภมิควรได้ที่จะต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจองเช่าที่ดินที่ไม่ผูกพันเจ้าของที่ดิน และการคืนเงินค่าก่อสร้างตามส่วนประโยชน์ที่ได้รับ
เจ้าของที่ดินมิได้มอบอำนาจให้ไปขออนุญาตสร้างตึกแถวจำเลยที่ 1 รับจ้างคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน สร้างขึ้น จำเลยที่ 1 เอาตึกแถวไปให้โจทก์เช่าไม่ได้สัญญาจองเช่าตึกแถวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ผูกพันเจ้าของที่ดิน จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์ตามส่วนนอกจากที่โจทก์ได้เข้าอยู่ในตึกแถวมาแล้ว
เอกสารสัญญาที่ตกลงว่าโจทก์ชำระค่าช่วยก่อสร้างแล้วจำเลยจะจัดการให้โจทก์ได้เช่าตึกแถวกับเจ้าของที่ดิน เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่ง ประมวลรัษฎากร มิได้กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์อย่างจ้างทำของรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
เอกสารสัญญาที่ตกลงว่าโจทก์ชำระค่าช่วยก่อสร้างแล้วจำเลยจะจัดการให้โจทก์ได้เช่าตึกแถวกับเจ้าของที่ดิน เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่ง ประมวลรัษฎากร มิได้กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์อย่างจ้างทำของรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนายความที่ศาลตัดสินให้ชำระตามคำพิพากษาแล้ว ไม่ถือเป็นลาภมิควรได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินค่าจ้างว่าความแก่จำเลยเป็นเงินได้โดยชอบตามกฎหมาย โจทก์อ้างว่าจำเลยว่าความให้โจทก์ในคดีนั้นโดยไม่ถูกต้องและหลอกลวงโจทก์ จำเลยไม่ควรได้ค่าจ้างทนายความ จึงฟ้องเรียกเงินคืน ดังนี้ กรณีไม่ใช่ลาภมิควรได้