พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินระหว่างพิจารณาคดี และผลต่อเนื่องหลังคดีถึงที่สุด จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับ
เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นอายัดเงินของจำเลยไว้จนกว่าคดีถึงที่สุด ศาลชั้นต้นอนุญาต จึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นมีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้อง และสั่งว่าหากติดใจอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย โจทก์ยื่นคำแถลงว่า ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับ ขอให้แจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบ ดังนี้แม้คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา ต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้อายัดเงินของจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาคงมีผลต่อไปจนกว่าจำเลยจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 (2) จำเลยไม่มีสิทธิ ขอให้ถอนการอายัดเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินระหว่างพิจารณาคดี: ผลต่อเนื่องหลังคดีถึงที่สุดและการบังคับตามคำพิพากษา
เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้น อายัดเงินของจำเลยไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดศาลชั้นต้นอนุญาต จึงต้องถือว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นมีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุดต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องและสั่งว่าหากติดใจอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วันนับแต่วันทราบคำสั่งครบกำหนดแล้วจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียม มาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลย โจทก์ ยื่นคำแถลงว่า ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับ ขอให้แจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบ ดังนี้แม้คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยังไม่ทราบคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตาม คำพิพากษาต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้อายัดเงินของจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาคงมีผลต่อไปจนกว่าจำเลยจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) จำเลยไม่มีสิทธิ ขอให้ถอนการอายัดเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2976/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คัดค้านทรัพย์สินที่ถูกยึด การให้การปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้อง ถือเป็นการต่อสู้คดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์เคยขอยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้อง ซึ่งโจทก์ก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้อง แต่คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายใน 15 วัน การยึดทรัพย์จึงเป็นอันยกเลิก ต่อมาโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยรายเดียวกันนี้ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้อง ในคำร้องคัดค้านคำร้องขัดทรัพย์ของโจทก์แม้จะไม่ได้กล่าวตรง ๆ ว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้องเช่นเดียวกับคดีแรก แต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่า แม้ศาลจะไม่ได้วินิจฉัยในครั้งก่อนแต่สิทธิของโจทก์ตามกฎหมายที่จะยึดทรัพย์ของจำเลยยังมีอยู่ เมื่อทรัพย์รายนี้เป็นทรัพย์รายเดียวกับคดีเดิม จึงพอถือได้ว่าโจทก์ให้การต่อสู้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ซึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้องว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้อง จึงเป็นคำให้การที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2976/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินในการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา แม้ไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้
โจทก์เคยขอยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้อง ซึ่งโจทก์ก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้อง แต่คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายใน15 วัน การยึดทรัพย์จึงเป็นอันยกเลิก ต่อมาโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยรายเดียวกันนี้ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องในคำร้องคัดค้านคำร้องขัดทรัพย์ของโจทก์แม้จะไม่ได้กล่าวตรงๆว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้องเช่นเดียวกับคดีแรก แต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าแม้ศาลจะไม่ได้วินิจฉัยในครั้งก่อนแต่สิทธิของโจทก์ตามกฎหมายที่จะยึดทรัพย์ของจำเลยยังมีอยู่ เมื่อทรัพย์รายนี้เป็นทรัพย์รายเดียวกับคดีเดิม จึงพอถือได้ว่าโจทก์ให้การต่อสู้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยซึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้องว่าไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ร้องจึงเป็นคำให้การที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ แม้ไม่มีการขายทอดตลาด
ค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย เป็นค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคแรกบัญญัติว่าความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และวรรคสอง บัญญัติว่าค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย คดีนี้แม้โจทก์เป็นฝ่ายร้องขอยึดทรัพย์ของจำเลยชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งเป็นการยึดทรัพย์สินที่ไม่ใช่ตัวเงินแล้ว.ไม่มีการขายหรือจำหน่าย โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการบังคับคดีในเบื้องแรกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 และเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ละเลยมิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ทำให้ผลของคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นอันยกเลิก ไม่มีผลใช้บังคับต่อไปก็ตามแต่ต่อมาเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ชนะคดีและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์จากการยึดเรือ: ระยะเวลาการนับและการบังคับใช้ข้อตกลงระหว่างคู่ความ
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยึดเรือเดินทะเลของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้เคลื่อนย้ายเรือลำดังกล่าวออกจากอู่เรือของผู้ร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้โจทก์ถอยเรือออกไปให้พ้นท่าเทียบเรือของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์กับผู้ร้องได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์ยอมให้เงินผู้ร้องในการที่เรือจอดอยู่ที่อู่ของผู้ร้องเดือนละ 3,000 บาท จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยจะจ่ายให้เมื่อได้ขายทอดตลาดเรือแล้ว และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์และโจทก์ขอหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 (2) ดังนี้ คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณาก่อนมีคำพิพากษาคงมีผลต่อไปไม่ได้ถูกยกเลิก ทั้งจะถือว่าศาลได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ห้ามเคลื่อนย้ายเรือเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดเรือนั้นไป การนับระยะเวลาที่ผู้ร้องจะได้รับค่ารักษาทรัพย์ 3,000 บาทนั้น จึงต้องนับถึงวันที่ได้ย้ายเรือออกไปจากอู่ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำสั่งศาลชั่วคราวหลังมีคำพิพากษา และการนับระยะเวลาค่าใช้จ่ายรักษาทรัพย์ในการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยึดเรือเดินทะเลของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้เคลื่อนย้ายเรือลำดังกล่าวออกจากอู่เรือของผู้ร้องผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้โจทก์ถอยเรือออกไปให้พ้นท่าเทียบเรือของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์กับผู้ร้องได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์ยอมให้เงินผู้ร้องในการที่เรือจอดอยู่ที่อู่ของผู้ร้องเดือนละ 3,000 บาทจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยจะจ่ายให้เมื่อได้ขายทอดตลาดเรือแล้ว และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์และโจทก์ขอหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ดังนี้ คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณาก่อนมีคำพิพากษาคงมีผลต่อไปไม่ได้ถูกยกเลิก ทั้งจะถือว่าศาลได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ ห้ามเคลื่อนย้ายเรือเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดเรือนั้นไป การนับระยะเวลาที่ผู้ร้องจะได้รับค่ารักษาทรัพย์เดือนละ 3,000 บาทนั้น จึงต้องนับถึงวันที่ได้ย้ายเรือออกไปจากอู่ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963-965/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์สินของผู้ถูกบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ก่อนศาลพิพากษา คำสั่งอายัดเงินย่อมมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามมาตรา 260(2)
ตามมาตรา 290 วรรค 4 ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้
ตามมาตรา 290 วรรค 4 ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963-965/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์ ผู้ร้องขอได้เมื่อใด
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ก่อนศาลพิพากษาคำสั่งศาลอายัดเงินย่อมมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามมาตรา 260(2)
ตามมาตรา 290 วรรคสี่ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้
ตามมาตรา 290 วรรคสี่ต้องยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ กำหนดเวลาชำระเงินต้องมีในคำสั่งอายัดตามมาตรา 311 จึงเห็นได้ว่ามีกำหนดเวลาให้ยื่นคำขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ในหมายอายัดชั่วคราวของศาลไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จำเลยจะต้องชำระเงินไว้ จึงไม่มีกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะขอเฉลี่ยได้ก่อนที่มีการชำระเงิน ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อทรัพย์ที่อายัดได้ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการซื้อขายรถยนต์ที่มีคำสั่งห้ามโอน การกระทำไม่ถึงขั้นฉ้อโกง
การที่จำเลยนำรถยนต์ของจำเลยซึ่งศาลได้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้โอนขายหรือจำหน่ายในคดีหนึ่งอยู่แล้วไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์โดยรับรองกับโจทก์ว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้เดียวไม่ โดยนำไปขายหรือจำนำหรือทำสัญญาใดผูกพันรถยนต์ดังกล่าวเลย แล้วจำเลยไม่ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์นั้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง