คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 3

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7802/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องปริมาณวัตถุออกฤทธิ์และการมีผลย้อนหลังต่อคดีอาญา
ในระหว่างพิจารณารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)โดยกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีน ต้องไม่เกินปริมาณ0.500กรัมเมื่อไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าวัตถุออกฤทธิ์ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จำเลยที่2จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา106ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7389/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการเปลี่ยนแปลงประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ส่งผลต่อความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีการัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ0.500กรัมดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก0.98กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ประมาณเกินว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3แต่เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบว่ามีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2จำนวน16เม็ดไว้ในครอบครองจริงจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา62วรรคหนึ่ง,106วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7389/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85(พ.ศ.2536) และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ 0.500 กรัม ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.98 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ประมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตาม ป.อ. มาตรา 3แต่เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบว่า มีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 16 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย3ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก บทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียวเพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา9และมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่3)พ.ศ.2535ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ก็เป็นการแก้ไขโทษปรับขั้นสูงตามมาตรา89ให้ต่ำลงมาจาก500,000บาทเหลือ400,000บาทอันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา3อยู่แล้วดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขกฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ฯ และการใช้กฎหมายที่แก้ไขแล้วปรับแก่คดีเก่า
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก
บทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่ง พ.ร.บ. วัตถุที่ออก-ฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียว เพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 และมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ก็เป็นการแก้ไขโทษปรับขั้นสูงตามมาตรา 89 ให้ต่ำลงมาจาก 500,000 บาท เหลือ 400,000 บาทอันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัย ป.อ.มาตรา 3 อยู่แล้ว ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มีได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก บทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียว เพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 และมาตรา 13 แห่ง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป็นการแก้ไขโทษปรับขึ้นสูงตามมาตรา 89 ให้ต่ำลงมาจาก 500,000 บาท เหลือ400,000 บาท อันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 อยู่แล้วดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย3ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก บทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียวเพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา9และมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่3)พ.ศ.2535ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป็นการแก้ไขโทษปรับขึ้นสูงตามมาตรา89ให้ต่ำลงมาจาก500,000บาทเหลือ400,000บาทอันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา3อยู่แล้วดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5333/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเพโมลีนหลังประกาศเปลี่ยนประเภทวัตถุออกฤทธิ์ และการใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ที่เป็นคุณต่อจำเลย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 58(พ.ศ. 2532)เรื่องเปลี่ยนแปลงประเภทวัตถุออกฤทธิ์ ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลบังคับเช่นกฎหมาย จำเลยครอบครองเพโมลีน โดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วจึงไม่ต้องปรับบทลงโทษในความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก การมีเพโมลีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย มิใช่เป็นความผิดในตัวเอง แต่เป็นความผิดเพราะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งแต่เดิมจัดอยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้ขายได้ตามสภาพและพฤติการณ์จำเลยอาจไม่รู้ว่าการมีเพโมลีนไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย และหากจำเลยสามารถนำพยานหลักฐานมีพิสูจน์เช่นว่านั้นได้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกมาตรา 13 เดิมและใช้ความใหม่แทน และให้เพิ่มความเป็นมาตรา 13 ทวิ การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ และมีโทษตามมาตรา ซึ่งมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่มีโทษเบากว่าโทษตามมาตรา 89 เดิม จึงต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่เพราะเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5333/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประเภทวัตถุออกฤทธิ์และการลงโทษตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 58 (พ.ศ.2532) เรื่องเปลี่ยนแปลงประเภทวัตถุออกฤทธิ์ ตามความใน พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลบังคับเช่นกฎหมาย
จำเลยครอบครองเพโมลีนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วจึงไม่ต้องปรับบทลงโทษในความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก
การมีเพโมลีนไว้ในความครอบครองเพื่อขาย มิใช่เป็นความผิดในตัวเอง แต่เป็นความผิดเพราะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งแต่เดิมจัดอยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้ขายได้ ตามสภาพและพฤติการณ์จำเลยอาจไม่รู้ว่าการมีเพโมลีนไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย และหากจำเลยสามารถนำพยานหลักฐานมีพิสูจน์เช่นว่านั้นได้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ตาม ป.อ.มาตรา 64
พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535ให้ยกเลิกมาตรา 13 เดิมและใช้ความใหม่แทน และให้เพิ่มความเป็นมาตรา 13 ทวิการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ และมีโทษตามมาตรา 89ซึ่งมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่มีโทษเบากว่าโทษตามมาตรา 89 เดิม จึงต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่เพราะเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย ตาม ป.อ.มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายเช็คที่ใช้บังคับ: ความผิดเดิมไม่ถูกยกเลิก แม้มีกฎหมายใหม่ อัตราโทษเบากว่าต้องใช้กฎหมายใหม่
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497มาตรา3ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลก่อนวันที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4ใช้บังคับไม่ถูกยกเลิกตามมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติฉบับใหม่เป็นเรื่องกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าและเป็นคุณแก่จำเลยจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3โดยโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4แต่อย่างใด
of 50