พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญามาตรา 140 ด้วยประกาศคณะปฏิวัติ และการพิจารณาความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานกับพยายามฆ่า
จำเลยกระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้อาวุธปืนประทุษร้ายก่อนประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ใช้บังคับ การพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 3 จึงคลาดเคลื่อน เพราะประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 3 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 นั้น ไม่เป็นคุณแก่จำเลยจะนำมาใช้ปรับบทแก่การกระทำผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานขณะเข้าทำการจับกุมอันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีอาวุธใช้ประทุษร้ายเป็นการกระทำกรรมเดียวกันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา140 และมาตรา 289,80 ไม่ใช่ 2 กรรม
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานขณะเข้าทำการจับกุมอันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีอาวุธใช้ประทุษร้ายเป็นการกระทำกรรมเดียวกันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา140 และมาตรา 289,80 ไม่ใช่ 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายในขณะกระทำความผิด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากฎหมายแก้ไขภายหลังไม่เป็นคุณแก่จำเลย
จำเลยกระทำความผิดในขณะใช้บังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 319 เดิม ซึ่งต่อมาได้ถูกแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 และ ข้อ 12 ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 และ 319 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่11 ข้อ 7 และข้อ 12 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่จำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายอาญาปรับแก่คดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงโทษหลังกระทำผิด และหลักการใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
ขณะที่จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ยังไม่มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ การกระทำอันมีองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ฯลฯ นั้น ยังไม่มีกฎหมายกำหนดโทษให้หนักขึ้นในขณะจำเลยกระทำผิดโจทก์ย่อมขอให้ศาลใช้มาตรา 340 ตรี เป็นบทลงโทษหรือนำไปประกอบมาตรา 340 วรรค 4 เพื่อให้โทษหนักขึ้นมิได้ คงได้แต่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำผิด แต่เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ประกาศนี้แก้ไขโทษของมาตรา 340 วรรค 4 เดิมให้เบาลงก็ต้องใช้มาตรา 340 วรรค 4 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 14 บังคับแก่คดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3โจทก์จะอ้างว่าโทษตามมาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่โดยประกาศข้อ 14 ให้เพิ่มขึ้นกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี. ที่บัญญัติเพิ่มเติมขึ้นโดยข้อ 15 คำนวณโทษแล้วมีอัตราหนักกว่ามาตรา 340 วรรค 4 เดิมมาตรา 340 วรรค 4 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ที่แก้ไขใหม่นั้นไม่เป็นคุณแก่จำเลย จะต้องวางโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ดังนี้ หาถูกต้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายอาญาในอดีตและปัจจุบัน กรณีโทษเบากว่าเดิม คดีปล้นทรัพย์
ขณะที่จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ยังไม่มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ การกระทำอันมีองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรีฯลฯ นั้น ยังไม่มีกฎหมายกำหนดโทษให้หนักขึ้นในขณะจำเลยกระทำผิดโจทก์ย่อมขอให้ศาลใช้มาตรา 340 ตรี เป็นบทลงโทษหรือนำไปประกอบมาตรา 340 วรรค 4 เพื่อให้โทษหนักขึ้นมิได้ คงได้แต่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำผิด แต่เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ ข้อ 14 ประกาศนี้แก้ไขโทษของมาตรา 340 วรรค 4 เดิมให้เบาลงก็ต้องใช้มาตรา 340 วรรค 4 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 บังคับแก่คดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 โจทก์จะอ้างว่าโทษตามมาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่โดยประกาศข้อ 14 ให้เพิ่มขึ้นกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี. ที่บัญญัติเพิ่มเติมขึ้นโดยข้อ 15 คำนวณโทษแล้วมีอัตราหนักกว่ามาตรา 340 วรรค 4 เดิม มาตรา 340 วรรค 4 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ที่แก้ไขใหม่นั้นไม่เป็นคุณแก่จำเลย จะต้องวางโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 เดิม ดังนี้ หาถูกต้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญาในคดีข่มขืนโทรมหญิง: กฎหมายใหม่ใช้บังคับกับเหตุการณ์ก่อนประกาศใช้ไม่ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 เดิม ไม่มีข้อความซึ่งบัญญัติให้การกระทำโดยใช้อาวุธปืนและมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงมีโทษหนักขึ้นเหมือนอย่างที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมแล้วโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 จำเลยกับพวก ร่วมกันใช้อาวุธปืนขู่เข็ญข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในลักษณะโทรมหญิงก่อนใช้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ระหว่างพิจารณามีประกาศนั้นออกใช้ประกาศดังกล่าวข้อ 7ไม่ใช่กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยตามมาตรา 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงนำมาปรับบทแก่การกระทำผิดของจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยความรุนแรง โทษทวีคูณตามกฎหมาย และผลกระทบจากประกาศคณะปฏิวัติ
จำเลยทั้งสองกับพวกใช้ปืนขู่เอาช้าง 2 เชือกจากควาญช้างแล้วบังคับให้ควาญช้าง 2 คนนั้นขี่ช้าง คนละเชือก จำเลยทั้งสองไล่ช้างให้เดินไป เมื่อไปได้ 2 กิโลเมตร จำเลยทั้งสองกับพวกให้ควาญช้างล่ามช้างไว้กับต้นไม้ จำเลยที่ 2 ใช้ผ้าขาวม้ามัดข้อมือควาญช้างทั้งสองคนติดกัน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้ปืนยิงช้างทีละเชือกเมื่อช้างตาย จำเลยทั้งสองกับพวกใช้มีดชำแหละเอางาช้างไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยความรุนแรงและการแก้ไขโทษโดยประกาศคณะปฏิวัติ ศาลฎีกาพิพากษากลับตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองกับพวกใช้ปืนขู่เอาช้าง 2เชือกจากควาญช้าง แล้วบังคับให้ควาญช้าง 2 คนนั้นขี่ช้าง คนละเชือกจำเลยทั้งสองไล่ช้างให้เดินไป เมื่อไปได้ 2 กิโลเมตร จำเลยทั้งสองกับพวกให้ควาญช้างล่ามช้างไว้กับต้นไม้ จำเลยที่ 2 ใช้ผ้าขาวม้ามัดข้อมือควาญช้างทั้งสองคนติดกัน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้ปืนยิงช้างทีละเชือกเมื่อช้างตายจำเลยทั้งสองกับพวกใช้มีดชำแหละเอางาช้างไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายอาญาใหม่ย้อนหลังไม่ได้ แม้จะเป็นคุณต่อจำเลย ศาลต้องใช้กฎหมายเดิมที่ใช้ ณ เวลาที่กระทำผิด
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2514 จำเลยกระทำความผิดสามกรรมต่างกัน คือฐานมีอาวุธปืนฯไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กระทงหนึ่ง ฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและกระทำอนาจารแก่หญิงนั้น (กระทงหนึ่ง) สองบท และฐานประทุษร้ายหญิงผู้ถูกพาไปนั้นถึงอันตรายแก่กายอีกกระทงหนึ่งซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เดิมที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่จำเลยกระทำความผิด ให้อำนาจศาลที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หรือจะลงเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ต่อมาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2514 เป็นต้นไป ข้อ 2 ของประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 เดิมนั้นเสีย โดยให้ใช้ข้อความในประกาศดังกล่าวนั้นแทน ซึ่งให้ศาลลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อมีประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวออกมาบัญญัติการวางโทษแตกต่างกับกฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำความผิดเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 บัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด ประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวจึงไม่เป็นคุณแก่จำเลย ศาลจึงต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เดิมแก่จำเลย และลงโทษจำเลยเฉพาะฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งเป็นกระทง(และบท) ที่หนักที่สุดแต่กระทงเดียวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199-200/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมพิจารณาคดีเกี่ยวพัน-ลงโทษกรรมหนักสุด-ใช้กฎหมายเก่าคุ้มครองจำเลย
ในคดีเกี่ยวพันกัน อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันแม้โจทก์จะฟ้องจำเลยแต่ละสำนวนแต่ละฐานความผิด และโจทก์ร้องขอให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้ขอให้รวมพิพากษา ศาลก็มีอำนาจพิพากษาคดีที่เกี่ยวพันกันนั้นรวมกันไปได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ และเมื่อศาลสั่งรวมพิจารณาพิพากษาแล้ว ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ประกาศ ณ วันที่ 21พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญา. ให้ใช้ความใหม่แทนให้ศาลลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฯลฯ เมื่อบทบัญญัติในมาตรา 91 เดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่าประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 ต้องใช้มาตรา 91 เดิมบังคับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 วรรคแรก อันเป็นบทบัญญัติให้ศาลต้องนำไปใช้บังคับ หาใช่เป็นเรื่องดุลพินิจไม่
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ประกาศ ณ วันที่ 21พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญา. ให้ใช้ความใหม่แทนให้ศาลลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฯลฯ เมื่อบทบัญญัติในมาตรา 91 เดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่าประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 ต้องใช้มาตรา 91 เดิมบังคับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 วรรคแรก อันเป็นบทบัญญัติให้ศาลต้องนำไปใช้บังคับ หาใช่เป็นเรื่องดุลพินิจไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยข่มขู่ใช้กำลังและความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11
ผู้เสียหายซื้อเนื้อกระบือไว้จากจำเลยคนหนึ่ง ต่อมา จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่า และได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายใช้เงินให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังเข้าชกต่อยผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัวจนผู้เสียหายยอมส่งเงินให้ ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท