พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษจำคุกตลอดชีวิตและการบวกโทษที่รอลงอาญา โดยบทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมย่อมไม่มีผลย้อนหลัง
ฟ้องโจทก์ขอให้บวกโทษที่รอไว้เข้ากับโทษในคดีนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว แม้ว่าในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับซึ่งข้อ 1 ของประกาศดังกล่าวได้ยกเลิกความในมาตรา 51 ของประมวลกฎหมายอาญาให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งข้อความที่บัญญัติใหม่มีผลให้เพิ่มโทษหรือบวกโทษแก่จำเลยได้ก็ตาม แต่บทบัญญัติที่ประกาศใช้ในภายหลังนี้หาเป็นคุณแก่จำเลยไม่ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับลดโทษอาญาตามกฎหมายใหม่ที่ใช้บังคับระหว่างพิจารณาคดี
ในระหว่างพิจารณาคดีนี้ของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวแก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิม ศาลฎีกาต้องใช้กฎหมายใหม่นี้ลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษตามกฎหมายใหม่ที่มีโทษเบากว่าหลังกระทำผิด โดยอาศัยหลักกฎหมายที่ให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
เมื่อตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิด ข้อ 14 ในส่วนที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ได้แก้ไขใหม่ให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ซึ่งมีระวางโทษเบากว่าระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกยี่สิบปี ในการลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามวรรคนี้จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยตาม มาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3ซึ่งบัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษตามกฎหมายใหม่ที่เบากว่าเดิมหลังกระทำผิด โดยใช้หลักกฎหมายที่ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด
เมื่อตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิด ข้อ 14 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ได้แก้ไขใหม่ให้ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ซึ่งมีระวางโทษเบากว่าระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 เดิม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกยี่สิบปี ในการลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามวรรคนี้จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรค 4 ที่แก้ไขใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 ซึ่งบัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายใหม่ยกเว้นโทษในคดีอาวุธปืน แม้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อันเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 จำเลยอุทธรณ์แต่เฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 ประกาศใช้บังคับ โดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินี้ยกเว้นโทษให้จำเลยในความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกพระราชบัญญัตินี้ขึ้นวินิจฉัยยกเว้นโทษให้จำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรค 2 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2513)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกเว้นโทษจากกฎหมายใหม่ แม้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา และหลักการใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อันเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 จำเลยอุทธรณ์แต่เฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 ประกาศใช้บังคับโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินี้ยกเว้นโทษให้จำเลยในความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกพระราชบัญญัตินี้ขึ้นวินิจฉัยยกเว้นโทษให้จำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นโทษทางอาญาเนื่องจากกฎหมายใหม่ให้โอกาสผู้กระทำผิดขออนุญาตหรือมอบอาวุธปืน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีประราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืน ฯลฯ นำไปขอรับอนุญาติหรือนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเมื่อคดียังอยู่ในระหว่าง 90 วัน ก็ต้องถือว่าในระหว่างระยะเวลานี้กฎหมายได้ยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นโทษอาวุธปืนตามกฎหมายแก้ไขใหม่ในช่วงเวลาที่กำหนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืน ฯลฯ นำไปขอรับอนุญาตหรือนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษซึ่งเมื่อคดียังอยู่ในระหว่างเวลา 90 วัน ก็ต้องถือว่าในระหว่างระยะเวลานี้กฎหมายได้ยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019-1021/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายอาญาที่เป็นคุณแก่จำเลย: เลือกใช้บทลงโทษที่เบากว่า แม้กฎหมายเดิมมีโทษขั้นต่ำ
จำเลยปลอมหนังสือในหน้าที่ตน มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 229 มีอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้มาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเป็นบทลงโทษ และในบทความผิดที่จะใช้แก่จำเลยนี้ ไม่มีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำไว้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องฟังพยานโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ทางราชการ ปลอมเอกสาร และการรับผิดของเจ้าพนักงาน
(1) เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยเป็นเสมียนตรามีหน้าที่จัดทำ รักษา และรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการเบิกจ่ายเงิน และมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินไป มีรายการต่าง ๆ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าเงินนั้นอยู่ในความรับผิดของจำเลย ทั้งระบุวันเวลาทำผิดแต่ละรายการไว้ด้วย นั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนที่ว่าจำเลยรับมาจากใคร ที่ไหน เมื่อใด เป็นรายละเอียดไม่ต้องกล่าวไว้
(2) เมื่อเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายว่ารู้การกระทำของจำเลยเมื่อใด
(3) เมื่อพยานโจทก์และจำเลยเบิกความตรงกันว่า เสมียนตรามีหน้าที่ทำบัญชีเงิน รับเงินและจ่ายเงินของแผนกมหาดไทย แม้นายอำเภอจะสั่งให้คนอื่นเป็นหัวหน้าแต่ก็เพื่อช่วยคอยสอดส่องควบคุมอีกชั้นหนึ่งโดยมิได้ให้จำเลยพ้นจากหน้าที่เสมียนตราไป เช่นนี้ จำเลยก็ต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ฯลฯ ที่แก้ไขแล้ว
(4) บัญชีเงินต่าง ๆ ของทรงราชการกระทรวงมหาดไทย เช่น แบบ 2 บัญชีรายรับจ่ายเงินเบ็ดเตล็ด และแบบ 7 บัญชีเงินการจร มีช่องที่ผู้รับเงินจะต้องลงชื่อ เมื่อลงแล้วและรับเงินไปแล้ว ย่อมเป็นหลักฐานแห่งการระงับไปซึ่งสิทธิ ทำให้ผู้นั้นหมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินจากทางราชการอีก ซึ่งตรงตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) จึงเป็นเอกสารสิทธิทางราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266
(5) ผู้ไม่มีสิทธิ แต่ได้ลงชื่อของผู้มีสิทธิในช่องบัญชีของผู้มีสิทธิรับเงินตามแบบ 2,แบบ 7 ย่อมเป็นการปลอมหนังสือ และเป็นข้อสาระสำคัญแห่งคดี.
(2) เมื่อเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายว่ารู้การกระทำของจำเลยเมื่อใด
(3) เมื่อพยานโจทก์และจำเลยเบิกความตรงกันว่า เสมียนตรามีหน้าที่ทำบัญชีเงิน รับเงินและจ่ายเงินของแผนกมหาดไทย แม้นายอำเภอจะสั่งให้คนอื่นเป็นหัวหน้าแต่ก็เพื่อช่วยคอยสอดส่องควบคุมอีกชั้นหนึ่งโดยมิได้ให้จำเลยพ้นจากหน้าที่เสมียนตราไป เช่นนี้ จำเลยก็ต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ฯลฯ ที่แก้ไขแล้ว
(4) บัญชีเงินต่าง ๆ ของทรงราชการกระทรวงมหาดไทย เช่น แบบ 2 บัญชีรายรับจ่ายเงินเบ็ดเตล็ด และแบบ 7 บัญชีเงินการจร มีช่องที่ผู้รับเงินจะต้องลงชื่อ เมื่อลงแล้วและรับเงินไปแล้ว ย่อมเป็นหลักฐานแห่งการระงับไปซึ่งสิทธิ ทำให้ผู้นั้นหมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินจากทางราชการอีก ซึ่งตรงตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) จึงเป็นเอกสารสิทธิทางราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266
(5) ผู้ไม่มีสิทธิ แต่ได้ลงชื่อของผู้มีสิทธิในช่องบัญชีของผู้มีสิทธิรับเงินตามแบบ 2,แบบ 7 ย่อมเป็นการปลอมหนังสือ และเป็นข้อสาระสำคัญแห่งคดี.