พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบเอกสารต้นฉบับ-สำเนา: ศาลรับฟังได้หากไม่มีข้อโต้แย้งความถูกต้องและมีเหตุผลในการขอคืน
ในการนำสืบพยานโจทก์ได้ส่งต้นฉบับเอกสารไว้แล้ว ต่อมาโจทก์ได้ขอรับต้นฉบับเอกสารคืนไปโดยอ้างเหตุจำเป็นต้องนำไปใช้ในคดีอื่น และขอส่งสำเนาไว้แทนดังนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ส่งต้นฉบับเอกสารเป็นพยานมิได้ชั้นพิจารณาไม่ปรากฏว่าภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องหรือสำเนาเอกสารไม่ตรงกับต้นฉบับทั้งจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสาร ดังนี้ศาลฟังข้อเท็จจริงตามข้อความในสำเนาเอกสารนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังเอกสารหลักฐานในคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ถูกริบ ศาลไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดมาตรา 238 หากไม่ใช่พยานหลักฐานพิสูจน์ความผิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติในภาค 5 มุ่งหมายที่จะใช้แก่พยานหลักฐานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องบุคคลภายนอกมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลได้สั่งริบไปแล้วให้แก่ผู้ร้อง ไม่จำต้องนำบทบัญญัติมาตรา 238 มาใช้บังคับโดยเคร่งครัด ผู้ร้องได้แนบภาพถ่ายหนังสือรับรองมาท้ายคำร้อง โจทก์มิได้คัดค้านประการใด การที่ผู้ร้องมิได้ส่งต้นฉบับหนังสือรับรอง จึงไม่เป็นการขัดต่อกระบวนพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่างประเทศ และการไม่เป็นฟ้องซ้ำในความผิดเครื่องหมายการค้า
คดีเดิมเป็นเรื่องเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศและเหตุเกิดระหว่าง พ.ศ.2513 คดีนี้เป็นเรื่องเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในต่างประเทศ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ต้นฉบับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในสมุดทะเบียนส่วนกลางของต่างประเทศเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นรับรองสำเนา สถานทูตไทยส่งสำเนานั้นมา ฟังสำเนานั้นเป็นพยานหลักฐานได้
ต้นฉบับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในสมุดทะเบียนส่วนกลางของต่างประเทศเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นรับรองสำเนา สถานทูตไทยส่งสำเนานั้นมา ฟังสำเนานั้นเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ แต่ไม่เพียงพอพิพากษาลงโทษ
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นพยานเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ แต่ต้องไม่ทำให้พยานหลักฐานดีขึ้นจนฟังลงโทษจำเลยได้
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นพยานเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้เข้าชมร้านกาแฟกับการสันนิษฐานการเล่นพนัน: การพิพากษาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ชัดเจน
เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นร้านขายกาแฟ ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นสาธารณสถาน ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 6 ตอนท้ายมิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นพนันด้วย
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันในที่สาธารณะ: การสันนิษฐานว่ามิได้เข้าเล่นพนัน และพยานหลักฐานที่ไม่พอฟัง
เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นร้านขายกาแฟ ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นสาธารณสถาน ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 6 ตอนท้ายมิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นพนันด้วย
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของทางราชการทหารที่หายไปโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ การครอบครองนั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะในการสงครามเป็นของทางราชการทหารแต่ได้หายไป จำเลยเป็นทหารแต่ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ครอบครองอาวุธปืนของกลาง การครอบครองของจำเลยไม่ใช่การครอบครองในราชการทหาร จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 55,78 (ที่แก้ไขแล้ว)
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานต่อศาลนั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธแต่ประการใด ทั้งนำสืบรับด้วยว่าเป็นเอกสารติดต่อซื้อขายสุราต่างประเทศ เช่นนี้ ศาลจึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ ของโจทก์ได้
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานต่อศาลนั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธแต่ประการใด ทั้งนำสืบรับด้วยว่าเป็นเอกสารติดต่อซื้อขายสุราต่างประเทศ เช่นนี้ ศาลจึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ ของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธสงครามที่หายไปจากราชการทหาร จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่ครอบครองจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะในการสงครามเป็นของทางราชการทหารแต่ได้หายไป จำเลยเป็นทหารแต่ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ครอบครองอาวุธปืนของกลาง การครอบครองของจำเลยไม่ใช่การครอบครองในราชการทหาร จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 (ที่แก้ไขแล้ว)
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานต่อศาลนั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธแต่ประการใด ทั้งนำสืบรับด้วยว่าเป็นเอกสารติดต่อซื้อขายสุราต่างประเทศ เช่นนี้ ศาลจึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นๆของโจทก์ได้
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานต่อศาลนั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธแต่ประการใด ทั้งนำสืบรับด้วยว่าเป็นเอกสารติดต่อซื้อขายสุราต่างประเทศ เช่นนี้ ศาลจึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นๆของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322-1324/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการกำหนดสถานที่จอดพักรถและสถานีขนส่ง: ความขัดแย้งระหว่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.การขนส่ง
คดีอาญา จำเลยอ้างพยานเอกสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยและโจทก์ไม่รับรองความถูกต้อง เมื่อจำเลยไม่สืบพยานประกอบ พยานเอกสารนั้นก็รับฟังไม่ได้ แต่ถ้าพยานเอกสารนั้นเป็นหนังสือราชการ ซึ่งต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของ ทางราชการและที่จำเลยอ้างส่งต่อศาลเป็นสำเนาซึ่งเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(3) รับรองถูกต้อง ก็รับฟังได้ ไม่ต้องสืบพยานประกอบ
ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่ง และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นั้นเป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 69 และอธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่งตามมาตรา 50(1) แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่งผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จอดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงได้เอง โดยไม่ให้ขัดขวางต่อการจราจร
เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 แต่ถ้าสถานที่จอดพักรถนั้นอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนเป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ก็ไม่เป็นสถานที่จอดพักรถตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นสถานีขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดสถานที่ที่ใช้เป็นสถานีขนส่ง เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด
ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่ง และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นั้นเป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 69 และอธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่งตามมาตรา 50(1) แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่งผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จอดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงได้เอง โดยไม่ให้ขัดขวางต่อการจราจร
เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 แต่ถ้าสถานที่จอดพักรถนั้นอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนเป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ก็ไม่เป็นสถานที่จอดพักรถตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นสถานีขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดสถานที่ที่ใช้เป็นสถานีขนส่ง เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด