พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อลูกจ้าง การพิสูจน์การกระทำในทางการที่จ้างเป็นประเด็นสำคัญ หากไม่มีประเด็นนี้ฎีกาจึงนอกประเด็น
เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสามจะเป็นบิดามารดาผู้ปกครองเด็กทั้งสามที่บาดเจ็บหรือไม่ ไม่รับรอง และจำเลยที่ 2 มิได้ประมาท ดังนั้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อที่ว่าโจทก์จะต้องนำสืบให้ชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงเป็นฎีกานอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนรถยนต์จากความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
โจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องให้จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่ 3ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ให้รับผิดจากการที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ดังกล่าวโดยประมาทชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2เป็นเงิน 10,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 เป็นการไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่า กันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 และ ส. คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ต่างขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายจึงไม่ต้องรับผิด ต่อ กันจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลย ที่ 2 ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2ผู้ครอบครองและเจ้าของรถยนต์ที่ชนกับรถยนต์ คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัย และเนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวด้วย การชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ฎีกาก็ให้มี ผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง กรณีรื้อถอนอาคารและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ตามสัญญาซื้อขายอาคารเพื่อรื้อถอนไป จำเลยที่ 1ยินยอมรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่เทศบาลเมืองสระบุรีผู้ขายและบุคคลภายนอกอันเนื่องจากการรื้อถอนอาคารและเก็บขนวัสดุที่รื้อถอนของจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อทั้งสิ้นและเมื่อรื้อถอนตึกแถวแล้ว ตึกพังลงทับสายโทรศัพท์โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรีไว้เป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ได้จ้างจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน ให้ช่วยกันรื้อถอนตึกแถวตลาดเทศบาลเมืองสระบุรี การทำงานของจำเลยที่ 2 อยู่ในความควบคุมและสั่งการของจำเลยที่ 1 อย่างใกล้ชิด แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำการรื้อตึกแถวด้วยตนเองเพียงแต่ จ้างแรงงานของจำเลยที่ 2 กับพวก เพราะหากจำเลยที่ 1 ไม่มีความประสงค์จะรื้อถอนด้วยตนเอง ก็ไม่มีเหตุที่จะยอม ทำสัญญายอมรับผิดชอบเรื่องความเสียหายไว้ล่วงหน้า อีกทั้งโจทก์เคยเจรจาเรื่องค่าเสียหายกับจำเลยที่ 1 แต่ตกลงกันไม่ได้ โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยที่ 1 ได้อ้างเหตุผลที่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และกระทำการ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของธนาคารต่อการจ่ายเช็คปลอมจากความประมาทเลินเล่อของพนักงาน
ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์มีลักษณะและลวดลายการเขียนผิดกันชัดเจนหลายจุด ซึ่งหากใช้ความระมัดระวังในการตรวจก็จะเห็นได้ว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนละคนกัน การที่พนักงานของจำเลยที่ 1 ไม่ตรวจลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทให้ถูกต้อง จึงเป็นการประมาทเลินเล่อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้เงินซึ่งได้จ่ายแก่ผู้นำเช็คพิพาทมาเบิกคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของหุ้นส่วน vs. ตัวแทน และข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัย กรณีผู้ขับไม่มีใบอนุญาต
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดเนื่องจาก พ. เป็นผู้ขับรถของจำเลยที่ 1 และขณะเกิดเหตุปฏิบัติงานในกิจการของจำเลยที่ 1 ซึ่งพอถือได้ว่าโจทก์มุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในฐานะที่ พ. เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่อาจแปลว่ามุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในฐานะหุ้นส่วนของ พ.ด้วยเมื่อจำเลยที่1ให้การต่อสู้คดีว่าพ.ไม่ใช่ลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทในชั้นชี้สองสถานเพียงว่า พ. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และกระทำในทางการที่จ้างหรือไม่โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน คดีจึงมีประเด็นพิพาทในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 เพียงเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนกับ พ.และ พ. ก่อเหตุละเมิดขณะกระทำภายในขอบวัตถุประสงค์ของหุ้นส่วนจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น กรมธรรม์ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขยกเว้นไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ตามกฎหมายหรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย แต่ พ.ซึ่งขับรถคันที่จำเลยที่ 1 เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 ในวันเกิดเหตุเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของกรมตำรวจ ย่อมมีความรู้ความสามารถในการขับรถยนต์ได้ แม้ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของกรมการขนส่งทางบก ก็จะถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยมิได้จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตหน้าที่ลูกจ้าง: การใช้วิธีการใดในการทำงานเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งนายจ้าง
การที่ ส. ลูกจ้างโจทก์ไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำ เพื่อสูบน้ำขึ้นมาทำความสะอาดที่พัก และขณะเดียวกันพระภิกษุได้ขอให้ ส. สูบน้ำไปไว้บนกุฎิพระด้วย ส. ได้ถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ระหว่างระหว่างกำลังใช้มอเตอร์ สูบน้ำขึ้นจากสระน้ำ นั้น พึงเห็นได้ว่า ส.จะต้องทำความสะอาดที่พักตามคำสั่งของผู้ควบคุมงานของโจทก์ ส.จำเป็นต้องใช้น้ำเอามาทำความสะอาดที่พักดังกล่าว การที่จะนำเอาน้ำในสระขึ้นมาใช้เป็นหน้าที่ของ ส.ฉะนั้นส. จะใช้วิธีการอย่างใดเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของ ส. เพื่อให้ได้น้ำขึ้นมาใช้ เมื่อส. เลือกวิธีไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำจากพระภิกษุมาใช้สูบ น้ำ เพื่อทำความสะอาดที่พัก ถือได้ว่าเป็นการกระทำตามคำสั่งของ ผู้ควบคุมงานของโจทก์และถือว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้กับโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและผู้ค้ำประกันจากลูกจ้างประมาทเลินเล่อ และอายุความของสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1ตามสัญญาค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยของผู้เช่าซื้อรถยนต์ และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
ผ. เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ต่อผู้ให้เช่าซื้อ จึงมีสิทธิเอาประกันภัยรถยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863 จำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งคนงานของจำเลยที่ 2นายจ้างตามที่ต่าง ๆ ขณะที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กลับสำนักงานของจำเลยที่ 2 ตามเส้นทางการทำงานของจำเลยที่ 2ได้ชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายโดยประมาท ถือได้ว่าเกิดเหตุขณะกระทำการในทางการของจำเลยที่ 2 แม้ในระหว่างทางจำเลยที่ 1 จะแวะทำธุระส่วนตัวบ้าง ก็ไม่ทำให้การนำรถยนต์เข้าเก็บที่สำนักงานของจำเลยที่ 2 พ้นจากการกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดของผู้รับประกันภัย และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ต่อผู้ให้เช่าซื้อ ย่อมมีสิทธิเอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวตาม ป.พ.พ.มาตรา 863 ได้ และเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยแล้วย่อมได้รับช่วงสิทธิเรียกร้อง ค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดได้ตาม มาตรา 227 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปส่งคนงานของจำเลยที่ 2 ตามที่ต่าง ๆแล้วเกิดเหตุขณะที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กลับสำนักงานของจำเลยที่ 2ตามเส้นทางการทำงานของจำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่าเกิดเหตุขณะกระทำการ ในทางการของจำเลยที่ 2 แม้ในระหว่างทางจำเลยที่ 1 จะได้แวะ ทำธุระ ส่วนตัวบ้างก็ไม่ทำให้การนำรถยนต์เข้าเก็บที่สำนักงานของจำเลย ที่ 2 พ้นจากการกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6359/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกา: ประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างขาดนัดยื่นคำให้การ จึงไม่มีประเด็นในปัญหาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 1และโจทก์ทำให้หนี้ในมูลละเมิดระงับลงอันมีผลทำให้จำเลยที่ 2ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากความรับผิดไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างในการยื่นอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225.