พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3078/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากลูกจ้างที่ขับรถในทางการที่จ้าง แม้เกิดเหตุจากงานเลี้ยงสังสรรค์
ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้รวมตัวก่อตั้งขึ้นเป็นชมรมเรียกว่าชมรมธนาคาร มีวัตถุประสงค์ควบคุมการทำงานของธนาคารให้อยู่ในระเบียบแบบแผนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทุก ๆ ปีชมรมธนาคารจะจัดงานขึ้นปีใหม่เลี้ยงพนักงานของธนาคารเพื่อให้พนักงานของธนาคารซึ่งเป็นสมาชิกได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของธนาคาร การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมธนาคารต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อน ฉะนั้น การที่ จ.ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมธนาคาร ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 กลับจากงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ของชมรมธนาคารโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ย่อมถือได้ว่า จ.ได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย คำฟ้องของโจทก์ตอนท้ายกล่าวเพียงว่า ภายหลังที่รถยนต์ของโจทก์ถูกชนแล้ว ทำให้รถยนต์ของโจทก์ไม่สามารถนำมาใช้ได้เท่านั้นมิได้อ้างเหตุเพราะถูกชนเสียหาย ฉะนั้น ที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ใช้รถไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของนายจ้าง/ตัวการต่อละเมิดของลูกจ้าง/ตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้ จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 คำบรรยายฟ้องโจทก์ไม่ได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ไม่ว่าจำเลยที่ 2 จะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 หรือเป็นตัวการก็ตามฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดนายจ้าง/ตัวการต่อละเมิดของลูกจ้าง/ตัวแทน: ฟ้องชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้มอบหมายจากจำเลยที่ 2 ในขณะเกิดเหตุ ที่โจทก์บรรยายฟ้องมานี้มิได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 เนื่องจาก ป.พ.พ. มาตรา 427ได้บัญญัติไว้ให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 425 และมาตรา 426 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของนายจ้างเพื่อผลแห่งละเมิดของลูกจ้างซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างบังคับแก่กรณีตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้าง/ตัวการต่อละเมิดของลูกจ้าง/ตัวแทนในการปฏิบัติหน้าที่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้ จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 คำบรรยายฟ้องโจทก์ไม่ได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ไม่ว่าจำเลยที่ 2 จะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 หรือเป็นตัวการก็ตามฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1843/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำในทางการจ้าง แม้ผู้ครอบครองรถยนต์จะไม่ใช่ตน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 กระทำละเมิดต่อ โจทก์ในทางการจ้าง ของจำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อ โจทก์ในทางการที่จ้าง ของจำเลยที่ 3 ถึง ที่ 6 ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง จำเลย ที่ 3 ถึง ที่ 6 มิได้อุทธรณ์ฎีกาโต้เถียง คำพิพากษาศาลชั้นต้นใน ปัญหาข้อนี้ ดังนั้น จำเลยที่ 3ถึง ที่ 6 ซึ่ง เป็นนายจ้างย่อมต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ.มาตรา 425 การที่จำเลยที่ 2 จะครอบครองรถยนต์ คันที่จำเลยที่ 1 ขับอยู่ในขณะเกิดเหตุ หรือไม่ จึงมิใช่สาระสำคัญในการวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ 3 ถึง ที่ 6.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และความรับผิดของเจ้าของกิจการที่ได้ประโยชน์
จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำไปในทางการที่จ้างซึ่ง จำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้อง ร่วมกันรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อ โจทก์จำเลยที่ 2 ที่ 3 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้าวิ่งรับขนส่งน้ำมันในนามของจำเลยที่ 4 ซึ่ง จำเลยที่ 4 ได้ ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบ ตาม สัญญาขนส่งน้ำมันระหว่างจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 4กำหนดให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับผิดชอบค่าจ้างคนขับรถ ดังนี้ถือ ได้ ว่ากิจการดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 4 จึงต้อง ร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของตัวการรับจำนองที่ควรทราบถึงการกระทำที่ไม่สุจริต ทำให้จำนองโมฆะ
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการได้ที่ดินมาจากโจทก์ของจำเลยที่ 1 และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 ต่อมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สุจริตอันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อในการจดทะเบียนจำนอง ย่อมทำให้สัญญาเป็นโมฆะได้
การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการได้ที่ดินมาจากโจทก์ของจำเลยที่ 1 และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ต่อมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของนายจ้างต่อความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างในการขับรถ และการพิสูจน์เจ้าของรถ/ผู้ครอบครอง
จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญานำรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุมาร่วมรับส่งคนโดยสารกับจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 เป็นผู้หาพนักงานประจำรถมาทั้งหมด รวมทั้งการจ่ายเงินเดือนและการเลิกจ้างด้วย จำเลยที่ 1 เป็นผู้ประกอบการขนส่ง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ ขณะเกิดเหตุยังใช้ชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ติดอยู่ข้างรถยนต์คันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 3 เช่าซื้อรถยนต์คันนั้น แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังคงเป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 1ด้วย ดังนี้จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในความประมาทเลินเล่อที่คนขับรถคันดังกล่าวได้ก่อขึ้น รถยนต์บรรทุกซุงของจำเลยที่ 5 เลี้ยวขวาจะเข้าอำเภอเมือง สิงห์บุรี รถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2 แล่นมาทางตรง ชนตรงกลางท่อนซุงจนสาลี่และซุงล้มตะแคง หน้ารถยนต์ของจำเลยที่ 2 เสียหายยับเยินยุบไปถึงที่นั่งคนโดยสารทำให้คนโดยสารตาย 3 คน ขณะรถยนต์บรรทุกซุงเลี้ยวมีเด็กท้ายรถลงมายืนให้สัญญาณเพื่อให้รถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2 ชะลอรถ แต่รถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2ไม่ชะลอ แสดงว่าขับด้วยความเร็วสูงไม่ชะลอรถเมื่อถึงทางแยกและไม่ระมัดระวังความปลอดภัยข้างหน้า ดังนี้ฟังได้ว่าคนขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อด้วย จำเลยที่ 1 และที่ 2 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและลูกจ้างในละเมิดจากการขนส่ง และการประเมินค่าเสียหายที่เหมาะสม
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างที่ 2 ที่ 3 และทำละเมิดต่อ โจทก์ในทางการที่จ้างซึ่งจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องร่วมกันรับผิด ใน ผลแห่งละเมิดนั้นด้วย จำเลยที่ 2 ที่ 3 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้าวิ่งรับขนส่งน้ำมันในนามของจำเลยที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 4ได้ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบ ตามสัญญาขนส่งน้ำมันระหว่างจำเลยที่ 5 กับจำเลย ที่ 4 กำหนดให้จำเลยที่ 4เป็นผู้รับผิดชอบค่าจ้างคนขับรถ ดังนี้ ถือได้ว่ากิจการดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ด้วย จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ด้วย