พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารมหาชนมีน้ำหนักในการรับฟัง การรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดและลูกจ้าง
ใบสำคัญการสมรสใบมรณบัตรสูติบัตรเป็นเอกสารมหาชนให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารตามป.วิ.พ.มาตรา127 แม้ส. ซึ่งเป็นคนขับรถโดยสารคันเกิดเหตุของจำเลยที่3จะเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถเป็นรายเที่ยวก็ถือได้ว่าส. เป็นลูกจ้างและขับรถโดยสารคันเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่3ๆต้องร่วมรับผิดกับส. ในผลแห่งละเมิดด้วย หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องร่วมรับผิดต่อบุคคลภายนอกโดยไม่จำกัดความรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ห้างหุ้นส่วนฯก่อให้เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1917/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน การรับผิดของนายจ้างในความเสียหายจากการกระทำของลูกจ้าง
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 กระทำไปในทางการที่จ้าง อันเป็นผลให้จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุ ต้องรับผิดร่วมในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นดังกล่าวเลย การรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นการวินิจฉัยโดยไม่มีถ้อยคำสำนวนสนับสนุน เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 4 เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 4 จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1917/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยความรับผิดทางละเมิดของนายจ้าง จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนข้อเท็จจริง หากไม่มี ถือเป็นการวินิจฉัยโดยปราศจากหลักฐาน
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่2เป็นนายจ้างจำเลยที่1และจำเลยที่1กระทำไปในทางการที่จ้างอันเป็นผลให้จำเลยที่2กับจำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุต้องรับผิดร่วมในการละเมิดของจำเลยที่1ต่อโจทก์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นดังกล่าวเลยการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นจึงเป็นการวินิจฉัยโดยไม่มีถ้อยคำสำนวนสนับสนุนเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่2ที่4เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาทต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยกอุทธรณ์ของจำเลยที่2ที่4จึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท และการพิสูจน์การกระทำละเมิดในทางการจ้าง
โจทก์ที่2ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง17,817.27บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยที่2ในส่วนซึ่งอาจเป็นผลถึงโจทก์ที่2ด้วยจึงเป็นการมิชอบ การที่จำเลยที่1ลูกจ้างผู้ทำหน้าที่ธุรการในกองแก๊สของจำเลยที่2ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขับรถยนต์ของจำเลยที่2ซึ่งเป็นรถที่มีไว้เพื่อใช้งานรับส่งหนังสือและติดต่อภายนอกอันเป็นงานที่อยู่ในขอบข่ายหน้าที่การงานของพนักงานธุรการไปในเวลาทำงานของจำเลยที่2แล้วไปชนกับรถยนต์ของโจทก์นั้นเป็นพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าจำเลยที่1ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่2ในขณะเกิดเหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องรับผิดกับอุบัติเหตุจากผู้เช่า หากไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะตัวการตัวแทนหรือนายจ้าง
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้เช่าที่นำรถที่เช่ามาไปขับชนคนบาดเจ็บโดยประมาทเพราะผู้ให้เช่าไม่ได้เป็นตัวการหรือนายจ้างของผู้เช่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ หากเจ้าของรถไม่มีส่วนรับผิด ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 7 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ อันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้คดีได้ความแต่เพียงว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถของ ช. และช.เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยที่ 7 เท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏไว้เลยว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์ของ ช. คันดังกล่าวในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับ ช. จึงฟังไม่ได้ว่า ช. เจ้าของรถคันดังกล่าวมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้ ช. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ครั้งนี้ จำเลยที่ 7 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ ช. ต้องรับผิดชอบ เมื่อ ช.ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 7 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำในทางการจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ให้ลูกจ้างผู้นั้นขับขี่รถดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ใช้ลูกจ้างขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 1 คันเกิดเหตุ แต่กลับได้ความว่าหลังจากเลิกงานแล้วลูกจ้างแอบขึ้นไปเอากุญแจรถคันเกิดเหตุจากที่แขวนตามปกติที่ตึกชั้นสามแล้วใช้ขับรถคันเกิดเหตุไปเที่ยวโดยพลการจนเกิดเหตุชนกันย่อมถือไม่ได้ว่าลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสาม
ในคดีละเมิด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้
ในคดีละเมิด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง: ต้องพิสูจน์การกระทำในทางการจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1โดยจำเลยที่2ที่3ได้ใช้ให้ลูกจ้างผู้นั้นขับขี่รถดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2ที่3ให้ใช้ลูกจ้างขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่1คันเกิดเหตุแต่กลับได้ความว่าหลังจากเลิกงานแล้วลูกจ้างแอบขึ้นไปเอากุญแจรถคันเกิดเหตุจากที่แขวนตามปกติที่ตึกชั้นสามแล้วใช้ขับรถคันเกิดเหตุไปเที่ยวโดยพลการจนเกิดเหตุชนกันย่อมถือไม่ได้ว่าลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสาม. ในคดีละเมิดเมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงให้ได้ความตามที่โจทก์กล่าวอ้างเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้างศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างต่อโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจากรถที่ลูกจ้างนำกลับบ้านได้ หากเป็นการอนุญาตเพื่อความสะดวกและเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน
นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้างเมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วยในเมื่อลูกจ้างจะได้อาศัยรถกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้นการที่ลูกจ้างขับรถกลับบ้านแล้วเกิดเหตุจึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของนายจ้างมิใช่เพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของลูกจ้างนายจ้างและผู้รับประกันภัยจากนายจ้างจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกทำละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดนายจ้างจากอุบัติเหตุขณะลูกจ้างนำรถกลับบ้าน ถือเป็นการปฏิบัติงาน
นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วย ในเมื่อลูกจ้างจะได้อาศัยรถกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้น การที่ลูกจ้างขับรถกลับบ้านแล้วเกิดเหตุ จึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของนายจ้าง มิใช่เพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของลูกจ้างนายจ้างและผู้รับประกันภัยจากนายจ้างจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกทำละเมิด