พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง, ค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาล, และค่าเสียหายจากการสูญเสียความสามารถในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ 2 บริษัทจำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปในธุรกิจของบริษัทจำเลยที่ 2 แล้วไปเกิดเหตุขึ้น โดยชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะจำเลยที่ 1 ขับรถเลี้ยวเพื่อเดินทางกลับบริษัทจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1ยังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311-1312/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการใช้รถร่วมเดินรถ และความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างในการเดินรถ
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในเส้นทางสายอำเภอเมืองภูเก็ตกับท่าฉัตรไชย ยินยอมให้จำเลยที่ 4 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งมีจำเลยที่ 5 เป็นคนขับเข้ามาเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 มีและใช้รถคันดังกล่าวนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 แล้วแม้ตรงที่จำเลยที่ 5 ขับรถไปเกิดเหตุจะเป็นเส้นทางนอกสัมปทานของจำเลยที่ 3 แต่ก็ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่จำเลยที่ 3 ยินยอมให้รถคันดังกล่าววิ่งรับส่งคนโดยสารร่วมกับจำเลยที่ 3 ตลอดมาจำเลยที่ 3 จะอ้างว่ารถนั้นมิได้ร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 หาได้ไม่
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311-1312/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและลูกจ้าง กรณีรถร่วมเดินรถ และการมีส่วนร่วมในกิจการเดินรถ
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในเส้นทางสายอำเภอเมืองภูเก็ตกับท่าฉัตรไชย ยินยอมให้จำเลยที่ 4 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งมีจำเลยที่ 5 เป็นคนขับเข้ามาเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 มีและใช้รถคันดังกล่าวนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 แล้ว แม้ตรงที่จำเลยที่ 5 ขับรถไปเกิดเหตุจะเป็นเส้นทางนอกสัมปทานของจำเลยที่ 3 แต่ก็ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่จำเลยที่ 3 ยินยอมให้รถคันดังกล่าววิ่งรับส่งคนโดยสารร่วมกับจำเลยที่ 3 ตลอดมาจำเลยที่ 3 จะอ้างว่ารถนั้นมิได้ร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 หาได้ไม่
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนของเจ้าของเรือต่างประเทศไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างกระทำ หากไม่มีสัญญา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของเรือเดินสมุทรชื่อไตชุนชาน ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ให้รับผิดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดแก่โจทก์ เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของกัปตันผู้ควบคุมเรือดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกจ้างของเจ้าของเรือ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างระหว่างเข้ามาในประเทศไทย เป็นเหตุให้เรือดังกล่าวนั้นกระแทกเรือของโจทก์แตกและจมเสียหาย ตัวแทนของตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศจะต้องรับผิดตามลำพังตนเองก็แต่เฉพาะกรณีตัวแทนทำสัญญาแทนตัวการเท่านั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการด้วยเลย ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดโดยลำพังตนเองตามที่โจทก์ฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 987/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนไม่มีหน้าที่รับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างตัวการกระทำ เว้นแต่ทำสัญญาแทนตัวการ
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของเรือเดินสมุทรชื่อไตชุนชาน ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ให้รับผิดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดแก่โจทก์ เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของกัปตันผู้ควบคุมเรือดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกจ้างของเจ้าของเรือ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างระหว่างเข้ามาในประเทศไทย เป็นเหตุให้เรือดังกล่าวนั้นกระแทกเรือของโจทก์แตกและจมเสียหาย ตัวแทนของตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศจะต้องรับผิดตามลำพังตนเองก็แต่เฉพาะกรณีตัวแทนทำสัญญาแทนตัวการเท่านั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการด้วยเลย ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดโดยลำพังตนเองตามที่โจทก์ฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 987/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของธนาคารและไปรษณีย์ต่อการจ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินที่ถูกแก้ไข และความประมาทเลินเล่อในการดูแลส่งมอบ
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 และจำเลย 5 โดยระบุตำแหน่งหน้าที่การงานมาด้วย ให้รับผิดต่อโจทก์ในการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการฟ้องให้รับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว ที่โจทก์กล่าวถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของจำเลยมาด้วยนั้นก็เพื่อให้นายจ้างและกรมเจ้าสังกัดของจำเลยต้องร่วมรับผิดในการกระทำของจำเลย
โจทก์ขอซื้อตั๋วแลกเงิน 3 ฉบับจากธนาคารออมสิน สาขาปทุมวันซึ่งเป็นสาขาของจำเลยที่ 1 ส่งไปให้ ท. ที่จังหวัดสตูลโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแต่หายไป โจทก์ได้แจ้งความต่อตำรวจและขออายัดเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน แต่ปรากฏว่ามีผู้ขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว 2 ฉบับ โดยไปรับเงินจากธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน ก่อนโจทก์แจ้งอายัดตั๋วแลกเงินที่มีผู้รับเงินไปแล้วนั้นมีรอยต่อเติมชื่อและนามสกุลของ ท. ในช่องจ่ายซึ่งมองเห็นได้ชัดทั้งสีหมึกและรอยต่อเติมตัวอักษร การจ่ายเงินของผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาศรีราชาและสาขาหนองมน จึงเป็นไปด้วยความประมาทเลินเล่อในฐานะที่มีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการจ่ายเงินจำเลยที่ 2ผู้จัดการสาขาธนาคารออมสินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินไปจึงต้องรับผิด และจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ส่งตั๋วแลกเงินพร้อมกับจดหมายไปให้ ท. โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่มิได้แจ้งการส่งตั๋วแลกเงินให้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นนายไปรษณีย์ทราบ จำเลยที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เฉพาะไปรษณียภัณฑ์ที่ส่งไปหายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกรมไปรษณีย์โทรเลขรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ฉบับละ 40 บาท แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องค่าไปรษณียภัณฑ์ที่สูญหาย หากแต่เรียกร้องเงินตามตั๋วแลกเงินที่สูญหายไปซึ่งจำเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่จะต้องรู้และรับผิดในวัตถุอันมีค่าที่บรรจุอยู่ในไปรษณียภัณฑ์นั้น การที่ตั๋วแลกเงินของโจทก์สูญหายไป เป็นความเสียหายที่จำเลยที่ 5 ไม่สามารถจะคาดเห็นได้จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดอันเป็นผลถึงกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 4 ด้วย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ขอซื้อตั๋วแลกเงิน 3 ฉบับจากธนาคารออมสิน สาขาปทุมวันซึ่งเป็นสาขาของจำเลยที่ 1 ส่งไปให้ ท. ที่จังหวัดสตูลโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแต่หายไป โจทก์ได้แจ้งความต่อตำรวจและขออายัดเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน แต่ปรากฏว่ามีผู้ขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว 2 ฉบับ โดยไปรับเงินจากธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน ก่อนโจทก์แจ้งอายัดตั๋วแลกเงินที่มีผู้รับเงินไปแล้วนั้นมีรอยต่อเติมชื่อและนามสกุลของ ท. ในช่องจ่ายซึ่งมองเห็นได้ชัดทั้งสีหมึกและรอยต่อเติมตัวอักษร การจ่ายเงินของผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาศรีราชาและสาขาหนองมน จึงเป็นไปด้วยความประมาทเลินเล่อในฐานะที่มีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการจ่ายเงินจำเลยที่ 2ผู้จัดการสาขาธนาคารออมสินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินไปจึงต้องรับผิด และจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ส่งตั๋วแลกเงินพร้อมกับจดหมายไปให้ ท. โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่มิได้แจ้งการส่งตั๋วแลกเงินให้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นนายไปรษณีย์ทราบ จำเลยที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เฉพาะไปรษณียภัณฑ์ที่ส่งไปหายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกรมไปรษณีย์โทรเลขรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ฉบับละ 40 บาท แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องค่าไปรษณียภัณฑ์ที่สูญหาย หากแต่เรียกร้องเงินตามตั๋วแลกเงินที่สูญหายไปซึ่งจำเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่จะต้องรู้และรับผิดในวัตถุอันมีค่าที่บรรจุอยู่ในไปรษณียภัณฑ์นั้น การที่ตั๋วแลกเงินของโจทก์สูญหายไป เป็นความเสียหายที่จำเลยที่ 5 ไม่สามารถจะคาดเห็นได้จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดอันเป็นผลถึงกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 4 ด้วย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของธนาคารและไปรษณีย์ต่อการจ่าย/ส่ง ตั๋วแลกเงินที่ถูกแก้ไขและสูญหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 และจำเลย 5 โดยระบุตำแหน่งหน้าที่การงานมาด้วย ให้รับผิดต่อโจทก์ในการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการฟ้องให้รับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว ที่โจทก์กล่าวถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของจำเลยมาด้วยนั้นก็เพื่อให้นายจ้างและกรมเจ้าสังกัดของจำเลยต้องร่วมรับผิดในการกระทำของจำเลย
โจทก์ขอซื้อตั๋วแลกเงิน 3 ฉบับจากธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน ซึ่งเป็นสาขาของจำเลยที่ 1 ส่งไปให้ ท. ที่จังหวัดสตูลโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแต่หายไป โจทก์ได้แจ้งความต่อตำรวจและขออายัดเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน แต่ปรากฏว่ามีผู้ขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว 2 ฉบับ โดยไปรับเงินจากธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน ก่อนโจทก์แจ้งอายัดตั๋วแลกเงินที่มีผู้รับเงินไปแล้วนั้นมีรอยต่อเติมชื่อและนามสกุลของ ท. ในช่องจ่ายซึ่งมองเห็นได้ชัดทั้งสีหมึกและรอยต่อเติมตัวอักษร การจ่ายเงินของผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน จึงเป็นไปด้วยความประมาทเลินเล่อในฐานะที่มีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ผู้จัดการสาขาธนาคารออมสินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินไปจึงต้องรับผิด และจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ส่งตั๋วแลกเงินพร้อมกับจดหมายไปให้ ท. โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่มิได้แจ้งการส่งตั๋วแลกเงินให้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นนายไปรษณีย์ทราบ จำเลยที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เฉพาะไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ส่งไปหายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกรมไปรษณีย์โทรเลขรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ฉบับละ 40 บาท แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องค่าไปรษณีย์ภัณฑ์ที่สูญหาย หากแต่เรียกร้องเงินตามตั๋วแลกเงินที่สูญหายไป ซึ่งจำเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่จะต้องรู้และรับผิดในวัตถุอันมีค่าที่บรรจุอยู่ในไปรษณีย์ภัณฑ์นั้น การที่ตั๋วแลกเงินของโจทก์สูญหายไป เป็นความเสียหายที่จำเลยที่ 5 ไม่สามารถจะคาดเห็นได้จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิด อันเป็นผลถึงกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 4 ด้วย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ขอซื้อตั๋วแลกเงิน 3 ฉบับจากธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน ซึ่งเป็นสาขาของจำเลยที่ 1 ส่งไปให้ ท. ที่จังหวัดสตูลโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแต่หายไป โจทก์ได้แจ้งความต่อตำรวจและขออายัดเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาปทุมวัน แต่ปรากฏว่ามีผู้ขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว 2 ฉบับ โดยไปรับเงินจากธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน ก่อนโจทก์แจ้งอายัดตั๋วแลกเงินที่มีผู้รับเงินไปแล้วนั้นมีรอยต่อเติมชื่อและนามสกุลของ ท. ในช่องจ่ายซึ่งมองเห็นได้ชัดทั้งสีหมึกและรอยต่อเติมตัวอักษร การจ่ายเงินของผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาศรีราชาและสาขาหนองมน จึงเป็นไปด้วยความประมาทเลินเล่อในฐานะที่มีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ผู้จัดการสาขาธนาคารออมสินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินไปจึงต้องรับผิด และจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ส่งตั๋วแลกเงินพร้อมกับจดหมายไปให้ ท. โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่มิได้แจ้งการส่งตั๋วแลกเงินให้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นนายไปรษณีย์ทราบ จำเลยที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เฉพาะไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ส่งไปหายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกรมไปรษณีย์โทรเลขรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ฉบับละ 40 บาท แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องค่าไปรษณีย์ภัณฑ์ที่สูญหาย หากแต่เรียกร้องเงินตามตั๋วแลกเงินที่สูญหายไป ซึ่งจำเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่จะต้องรู้และรับผิดในวัตถุอันมีค่าที่บรรจุอยู่ในไปรษณีย์ภัณฑ์นั้น การที่ตั๋วแลกเงินของโจทก์สูญหายไป เป็นความเสียหายที่จำเลยที่ 5 ไม่สามารถจะคาดเห็นได้จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิด อันเป็นผลถึงกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 4 ด้วย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต แม้จะไม่ได้สั่งการโดยตรง
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับรถบรรทุกดินไปส่ง ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนโดยจำเลยร่วมนั่งไปด้วย จำเลยที่ 1ได้ขับไปชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิด ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตน และถือว่าจำเลยร่วมได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิด ซึ่งจำเลยร่วมได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 852/2495และ 41/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต แม้จะไม่มีส่วนรู้เห็น
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับรถบรรทุกดินไปส่ง ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนโดยจำเลยร่วมนั่งไปด้วย จำเลยที่ 1 ได้ขับไปชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิด ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตนและถือว่า จำเลยร่วมได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยร่วมได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 852/2495 และ 41/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รับบุตรบุญธรรม กรณีผู้เยาว์ถูกละเมิดถึงแก่ความตาย
ขณะที่ผู้ตายถูกทำละเมิดถึงตาย ผู้ตายเป็นบุตรบุญธรรมของโจทก์ที่ 2 และผู้ตายยังเป็นผู้เยาว์อยู่ โจทก์ที่ 2 ผู้รับบุตรบุญธรรมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง ย่อมมีอำนาจฟ้อง ผู้ทำละเมิดได้