พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และค่าเสียหายจากการไม่ได้ใช้รถ
คดีที่ฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425 นั้น รถคันที่ลูกจ้างขับไปกระทำละเมิดนั้นจะเป็นของนายจ้างหรือไม่ไม่สำคัญ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปชนรถของโจทก์เสียหายแล้วจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้รับว่าจะซ่อมรถให้โจทก์ แต่แล้วก็ไม่ซ่อมให้ จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เพื่อความเสียหาย ที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานด้วยจะอ้างว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดแต่ผู้เดียวหาได้ไม่และการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถนั้นเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย จะอ้างว่าโจทก์มีรถหลายคัน ไม่น่าจะขาดรถสำหรับใช้ หรือคาดไม่ถึงว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องให้เช่ารถนั้นด้วยหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถตั้งแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ค่าซ่อมรถโจทก์แล้วความเสียหายของรถโจทก์จึงหมดสิ้นไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 2 ชำระค่าเสียหายในส่วนนี้ถึงวันที่จำเลยที่ 3ชดใช้ให้โจทก์นั้น
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปชนรถของโจทก์เสียหายแล้วจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้รับว่าจะซ่อมรถให้โจทก์ แต่แล้วก็ไม่ซ่อมให้ จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เพื่อความเสียหาย ที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานด้วยจะอ้างว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดแต่ผู้เดียวหาได้ไม่และการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถนั้นเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย จะอ้างว่าโจทก์มีรถหลายคัน ไม่น่าจะขาดรถสำหรับใช้ หรือคาดไม่ถึงว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องให้เช่ารถนั้นด้วยหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถตั้งแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ค่าซ่อมรถโจทก์แล้วความเสียหายของรถโจทก์จึงหมดสิ้นไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 2 ชำระค่าเสียหายในส่วนนี้ถึงวันที่จำเลยที่ 3ชดใช้ให้โจทก์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากการขับรถละเมิด แม้รถไม่ใช่ของนายจ้าง และการชดใช้ค่าเสียหายสิ้นสุดเมื่อรถซ่อมเสร็จ
คดีที่ฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 นั้น รถคันที่ลูกจ้างขับไปกระทำละเมิดนั้นจะเป็นของนายจ้างหรือไม่ไม่สำคัญ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปชนรถของโจทก์เสียหายแล้วจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้รับว่าจะซ่อมรถให้โจทก์ แต่แล้วก็ไม่ซ่อมให้ จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เพื่อความเสียหาย ที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานด้วยจะอ้างว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดแต่ผู้เดียวหาได้ไม่และการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถนั้นเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย จะอ้างว่าโจทก์มีรถหลายคัน ไม่น่าจะขาดรถสำหรับใช้ หรือคาดไม่ถึงว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องให้เช่ารถนั้นด้วยหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถตั้งแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ค่าซ่อมรถโจทก์แล้วความเสียหายของรถโจทก์จึงหมดสิ้นไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 2 ชำระค่าเสียหายในส่วนนี้ถึงวันที่จำเลยที่ 3 ชดใช้ให้โจทก์นั้น
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปชนรถของโจทก์เสียหายแล้วจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้รับว่าจะซ่อมรถให้โจทก์ แต่แล้วก็ไม่ซ่อมให้ จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เพื่อความเสียหาย ที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานด้วยจะอ้างว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดแต่ผู้เดียวหาได้ไม่และการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถนั้นเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย จะอ้างว่าโจทก์มีรถหลายคัน ไม่น่าจะขาดรถสำหรับใช้ หรือคาดไม่ถึงว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องให้เช่ารถนั้นด้วยหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถตั้งแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ค่าซ่อมรถโจทก์แล้วความเสียหายของรถโจทก์จึงหมดสิ้นไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 2 ชำระค่าเสียหายในส่วนนี้ถึงวันที่จำเลยที่ 3 ชดใช้ให้โจทก์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าของสัมปทานเดินรถต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ และการเรียกค่าเสียหายได้ทั้งจากความเสียหายต่อร่างกายและขาดประโยชน์ในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 3 ได้รับสัมปทานเดินรถ แล้วให้จำเลยที่ 2 นำรถยนต์เข้าร่วมเดิน ทาสีบอกเครื่องหมายเหมือนรถของจำเลยที่ 3 คนขับและคนขายตั๋วก็แต่งตัวเหมือนพนักงานของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ควบคุมการเดินรถของจำเลยที่ 2 เช่นเดียวกับรถของจำเลยที่ 3 และได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ค่าขายตั๋วเป็นค่าบริการของจำเลยที่ 3 เช่นนี้ ถือได้ว่าการเดินรถคันเกิดเหตุเป็นกิจการของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในเหตุละเมิดที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ก่อขึ้นตามทางการที่จ้าง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 841/2510)
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าของสัมปทานต่อการดำเนินงานของผู้อื่น และการเรียกค่าเสียหายจากความเสียหายทางร่างกายและขาดความสามารถในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 3 ได้รับสัมปทานเดินรถ แล้วให้จำเลยที่ 2นำรถยนต์เข้าร่วมเดิน ทาสีบอกเครื่องหมายเหมือนรถของจำเลยที่ 3 คนขับและคนขายตั๋วก็แต่งตัวเหมือนพนักงานของจำเลยที่ 3. จำเลยที่ 3 ควบคุมการเดินรถของจำเลยที่ 2เช่นเดียวกับรถของจำเลยที่ 3 และได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ค่าขายตั๋วเป็นค่าบริการของจำเลยที่ 3. เช่นนี้ ถือได้ว่าการเดินรถคันเกิดเหตุเป็นกิจการของจำเลยที่ 3. จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในเหตุละเมิดที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ก่อขึ้นตามทางการที่จ้าง.(ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 841/2510).
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต. โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารถประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444. และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446. โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ.
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต. โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารถประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444. และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446. โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อเหตุละเมิดของลูกจ้าง และการเรียกค่าเสียหายจากความพิการและขาดความสามารถในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 3 ได้รับสัมปทานเดินรถ แล้วให้จำเลยที่ 2 นำรถยนต์เข้าร่วมเดิน ทาสีบอกเครื่องหมายเหมือนรถของจำเลยที่ 3 คนขับและคนขายตั๋วก็แต่งตัวเหมือนพนักงานของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ควบคุมการเดินรถของจำเลยที่ 2 เช่นเดียวกับรถของจำเลยที่ 3 และได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ค่าขายตั๋วเป็นค่าบริการของจำเลยที่ 3 เช่นนี้ ถือได้ว่าการเดินรถคันเกิดเหตุเป็นกิจการของจำเลยที่ 3จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในเหตุละเมิดที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ก่อขึ้นตามทางการที่จ้าง(ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 841/2510)
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารถประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
ผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย โดยทุพพลภาพตลอดชีวิต โจทก์จึงเรียกค่าการที่เสียความสามารถประกอบงานอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดนายจ้าง: การใช้รถยนต์ของนายจ้างเพื่อกิจส่วนตัวหลังเลิกงาน
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้น อันเป็นกิจธุระส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตร ของโจทก์ตาย การละเมิดนี้ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างนอกเหนือการปฏิบัติงานตามหน้าที่
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้นอันเป็นกิจธุระส่วนตัว.โดยไม่ได้รับอนุญาต.จากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตรของโจทก์ตาย.การละเมิดนี้.ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง. นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างนอกเหนือหน้าที่ - การกระทำนอกอำนาจ
ลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์ เมื่องานเลิกแล้วได้ขับรถยนต์ของนายจ้าง (กรมโยธาเทศบาล) บรรทุกเครื่องครัวของคนงานอีกคนหนึ่งเอาไปส่งยังบ้านพี่สาวของคนงานนั้นอันเป็นกิจธุระส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุญาต จากผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถยนต์ แล้วไปชนบุตรของโจทก์ตาย การละเมิดนี้ไม่ใช่การกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาช่วงร่วม: การแบ่งงานและขอบเขตความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
บุคคลสองคนทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างร่วมกันในการวางท่อประปาตามถนนให้แก่กรมโยธาเทศบาลและยอมรับผิดชอบร่วมกันและเป็นรายตัวสำหรับบรรดาข้อสัญญาทั้งมวล แต่ผู้รับจ้างสองคนนั้นแบ่งงานกันทำ โดยคนหนึ่งเป็นผู้จัดหาวัสดุ และอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินงานวางท่อประปา ถึงแม้ผู้รับจ้างคนที่ดำเนินงานวางท่อประปาจะกระทำละเมิดขุดท่อระบายน้ำของเทศบาลเสียหาย แต่ผู้รับจ้างทั้งสองก็มิใช่ลูกจ้างนายจ้าง หรือตัวแทนตัวการซึ่งกันและกัน ผู้รับจ้างอีกคนหนึ่งซึ่งมิได้ร่วมกระทำละเมิด จึงหาจำต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้นด้วยไม่ เพราะมิใช่ความรับผิดชอบตามสัญญาต่อผู้ว่าจ้าง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหรือคนงานของจำเลยขุดถนน เป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ขุดหรือให้คนงานของจำเลยขุดถนนเป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบว่า บุคคลอื่นเป็นผู้ทำให้โจทก์เสียหายได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหรือคนงานของจำเลยขุดถนน เป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ขุดหรือให้คนงานของจำเลยขุดถนนเป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบว่า บุคคลอื่นเป็นผู้ทำให้โจทก์เสียหายได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับจ้างร่วม การรับผิดชอบต่อความเสียหายจากละเมิดของผู้รับจ้างร่วมอีกคนหนึ่ง
บุคคลสองคนทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างร่วมกันในการวางท่อประปาตามถนนให้แก่กรมโยธาเทศบาล.และยอมรับผิดชอบร่วมกันและเป็นรายตัวสำหรับบรรดาข้อสัญญาทั้งมวล. แต่ผู้รับจ้างสองคนนั้นแบ่งงานกันทำ โดยคนหนึ่งเป็นผู้จัดหาวัสดุ และอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินงานวางท่อประปา. ถึงแม้ผู้รับจ้างคนที่ดำเนินงานวางท่อประปาจะกระทำละเมิดขุดท่อระบายน้ำของเทศบาลเสียหาย. แต่ผู้รับจ้างทั้งสองก็มิใช่ลูกจ้างนายจ้าง หรือตัวแทนตัวการซึ่งกันและกัน. ผู้รับจ้างอีกคนหนึ่งซึ่งมิได้ร่วมกระทำละเมิด. จึงหาจำต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้นด้วยไม่. เพราะมิใช่ความรับผิดชอบตามสัญญาต่อผู้ว่าจ้าง.
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหรือคนงานของจำเลยขุดถนน เป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย. จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ขุดหรือให้คนงานของจำเลยขุดถนนเป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย. ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบว่า.บุคคลอื่นเป็นผู้ทำให้โจทก์เสียหายได้. เพื่อแสดงให้เห็นว่า. จำเลยไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง.
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหรือคนงานของจำเลยขุดถนน เป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย. จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ขุดหรือให้คนงานของจำเลยขุดถนนเป็นเหตุให้ท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย. ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบว่า.บุคคลอื่นเป็นผู้ทำให้โจทก์เสียหายได้. เพื่อแสดงให้เห็นว่า. จำเลยไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง.