พบผลลัพธ์ทั้งหมด 480 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมระงับข้อพิพาทมีผลผูกพัน ทำให้สิทธิเรียกร้องเดิมระงับสิ้นสุด แม้จะไม่ได้ทำกับจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมชดใช้ค่าเสียหายจำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้เป็นนายจ้างลูกจ้าง โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะเหตุสุดวิสัย และว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทกันแล้ว ดังนี้ ประเด็นที่สำคัญที่จะต้องวินิจฉัยเบื้องต้น คือ โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมระงับข้อพิพาทกันไว้แล้วจริง หรือไม่ ถ้าได้ทำไว้จริงก็ไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป
เมื่อความรับผิดของจำเลยที่ 1 ได้ปลดเปลื้องไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ก็ไม่มีความรับผิดที่จะให้จำเลยที่ 2 ร่วมชดใช้ค่าเสียหายอันใดอีก แม้โจทก์จะไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ก็ตาม โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมหมดสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย
เมื่อความรับผิดของจำเลยที่ 1 ได้ปลดเปลื้องไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ก็ไม่มีความรับผิดที่จะให้จำเลยที่ 2 ร่วมชดใช้ค่าเสียหายอันใดอีก แม้โจทก์จะไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ก็ตาม โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมหมดสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันคู่สัญญา และไม่ทำให้คดีขาดอายุความ
โจทก์จับจองและครอบครองที่ดินมือเปล่า 100 ไร่เศษ ต่อมาจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ของโจทก์แล้วไม่ยอมออกไป อ้างว่าเป็นที่ที่นิคมสร้างตนเองแบ่งให้จำเลย 12 ไร่และจำเลยยังได้บุกเบิกออกไปอีก 20 กว่าไร่ ครั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าที่ไม่อยู่ในเขตของนิคม โจทก์ก็ร้องต่ออำเภอขอคืน อำเภอเรียกไปทำการเปรียบเทียบ โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยตกลงเอาที่ดินเพียง 12 ไร่ นอกนั้นเป็นของโจทก์ทั้งหมด อำเภอได้บันทึกข้อตกลงนี้ให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ถึงแม้ข้อตกลงนี้จะมิได้ระบุให้ชัดว่าที่พิพาทอยู่ตอนไหน คู่กรณีฝ่ายใดได้ที่บริเวณไหนการรังวัดจะต้องทำอย่างไรแต่เรื่องนี้โจทก์จำเลยเข้าใจดีว่าที่พิพาทคือที่ที่จำเลยอ้างว่านิคม ฯ แบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยก็ได้นำชี้ไว้ในแผนที่กลางแล้ว บันทึกการเปรียบเทียบนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าไม่อาจจะระงับข้อพิพาทได้นั้นหาได้ไม่ และผลของสัญญาประนีประนอมนั้นย่อมทำให้การเรียกร้องของจำเลยซึ่งได้ยอมสละนั้นสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาเท่านั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าขาดอายุความแล้วโดยจะให้นับระยะเวลาตามที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมาดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน สิทธิเรียกร้องเดิมสิ้นไป คดีไม่ขาดอายุความ
โจทก์จับจองและครอบครองที่ดินมือเปล่า 100 ไร่เศษ ต่อมาจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ของโจทก์แล้วไม่ยอมออกไป อ้างว่าเป็นที่ที่นิคมสร้างตนเองแบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยยังได้บุกเบิกออกไปอีก 20 กว่าไร่ ครั้งเมื่อโจท์ทราบว่าที่ไม่อยู่ในเขตของนิคม โจทก์ก็ร้องต่ออำเภอขอที่คืน อำเภอเรียกไปทำการเปรียบเทียบ โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยตกลงเอาที่ดินเพียง 12 ไร่ นอกนั้นเป็นของโจทก์ทั้งหมด อำเภอได้บันทึกข้อตกลงนี้ให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ ถึงแม้ข้อตกลงนี้จะระบุให้ชัดว่าที่พิพาทอยู่ตอนไหน คู่กรณีฝ่ายใดได้ที่บริเวณไหน การรังวัดจะต้องทำอย่างไร แต่เรื่องนี้โจทก์จำเลยเข้าใจดีว่าที่พิพาทคือที่ที่จำเลยอ้างว่านิคม ฯ แบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยก็ได้นำชึ้ไว้ในแผนที่กลางแล้ว บันทึกการเปรียบเทียบนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าไม่อาจจะระงับข้อพิพาทได้นั้นหาได้ไม่ และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นย่อมทำให้การเรียกร้องของจำเลยซึ่งได้ยอมสละนั้นสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาเท่านั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าขาดอายุความแล้ว โดยจะให้นับระยะเวลาตามที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมาดังนี้
หาได้ไม่.
หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันทางกฎหมายและการระงับข้อพิพาทนอกศาล
(1) สัญญาใดที่ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล กับทั้งจะไม่เรียกร้องเกี่ยวข้องด้วยทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยต่อไป และฝ่ายจำเลยก็ยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน สัญญานั้นย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
(2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850
(3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1) (2) นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเเภอทำ ส่วนตามมาตรา 108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ
(4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องได้.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)
(2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850
(3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1) (2) นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเเภอทำ ส่วนตามมาตรา 108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ
(4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องได้.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพัน, อำนาจอำเภอ, การระงับข้อพิพาท
(1) สัญญาใดที่ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล กับทั้งจะไม่เรียกร้องเกี่ยวข้องด้วยทรัพย์สินใดๆ ของจำเลยต่อไป และฝ่ายจำเลยก็ยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทนสัญญานั้นย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 (2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ในศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 (3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1)(2)นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเภอทำ ส่วนตามมาตรา108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ (4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้องศาลก็พิพากษายกฟ้องได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: บันทึกถอนคำคัดค้านมรดกมีผลผูกพัน
จำเลยไปยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินของพี่ชาย ณ หอทะเบียน โจทก์ซึ่งเป็นน้องต่างบิดาคัดค้านภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกัน โดยจำเลยยอมแบ่งที่บ้านให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่นาโจทก์ไม่เกี่ยวข้อง ดังนี้ การที่โจทก์ลงชื่อขอถอนคำคัดค้านโดยเจ้าพนักงานที่ดินบันทึกไว้ว่าโจทก์ไม่ติดใจเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้จำเลยรับมรดกไปได้ผู้เดียวนั้น บันทึกดังกล่าว แม้โจทก์จะทำกับเจ้าพนักงานผู้ไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบก็ตาม ก็ย่อมถือว่าเป็นหลักฐานของสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลบังคับได้อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: บันทึกถอนคำคัดค้านมรดกมีผลผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยไปยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินของพี่ชาย ณ หอทะเบียนโจทก์ซึ่งเป็นน้องต่างบิดาคัดค้านภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันโดยจำเลยยอมแบ่งที่บ้านให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่นาโจทก์ไม่เกี่ยวข้องดังนี้ การที่โจทก์ลงชื่อขอถอนคำคัดค้านโดยเจ้าพนักงานที่ดิน บันทึกไว้ว่าโจทก์ไม่ติดใจเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้จำเลยรับมรดกไปได้ผู้เดียวนั้นบันทึกดังกล่าว แม้โจทก์จะทำกับเจ้าพนักงานผู้ไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบก็ตามก็ย่อมถือว่าเป็นหลักฐานของสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลบังคับได้อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ทรัพย์ตกเป็นของอีกฝ่ายเมื่อตาย พินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้อื่นเป็นโมฆะ
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกัน ใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญยาต่างตอบแทน ฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะทำพินัยกรรมทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเหนือพินัยกรรมเมื่อสัญญาระบุการตกเป็นเจ้าของทรัพย์หลังตาย
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกันใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้นเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตาย ทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะไปทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า: สละเจตนา + ส่งมอบ หรือทำนิติกรรมให้ถูกต้องตามแบบ
การโอนสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าที่มิใช่มีมาแต่ดั้งเดิม แต่เป็นที่ดินมือเปล่าที่ตกอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น กระทำได้ด้วยการสละเจตนาครอบครองและส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 หาขัดกับมาตรา 1299 วรรคแรกไม่ เพราะมาตรา 1299 ได้บัญญัติให้มาตรา 1299 วรรคแรกอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น ฉะนั้น เมื่อมีมาตรา 1377,1378 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าผู้โอนและผู้รับโอนประสงค์จะทำการโอนโดยผลของนิติกรรม ไม่ใช่โดยสละและส่งมอบ ก็ต้องทำนิติกรรมให้ถูกแบบดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1299 วรรคแรก นิติกรรมนั้นจึงจะสมบูรณ์ในอันที่จะโอนสิทธิครอบครองไปได้
บุตรเอาที่ดินมือเปล่าของบิดาไปแจ้งสิทธิครอบครอง บิดาร้องอำเภอ จึงตกลงทำสัญญาที่อำเภอว่าบิดายกที่ดินให้บุตร แต่บุตรต้องให้ข้าวเปลือกเป็นรายปี และค่าทำศพบิดา ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 มิใช่เป็นการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 521 อีกทั้งเป็นการให้ที่มีภาระติดพันตามมาตรา 535 จึงถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24-25/2504)
บุตรเอาที่ดินมือเปล่าของบิดาไปแจ้งสิทธิครอบครอง บิดาร้องอำเภอ จึงตกลงทำสัญญาที่อำเภอว่าบิดายกที่ดินให้บุตร แต่บุตรต้องให้ข้าวเปลือกเป็นรายปี และค่าทำศพบิดา ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 มิใช่เป็นการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 521 อีกทั้งเป็นการให้ที่มีภาระติดพันตามมาตรา 535 จึงถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24-25/2504)