คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 852

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 480 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3780/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันและข้อยกเว้นการระงับหนี้ แม้มีข้อตกลงที่เป็นโมฆะ
จำเลยเป็นหนี้โจทก์โดยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อตกลงให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยต้องปฏิบัติทั้งหมด 10 ข้อ ในส่วนที่เกี่ยวกับการถอนฟ้องเป็นเรื่องที่ตกลงให้โจทก์ถอนฟ้องคดีแพ่ง 1 คดี จำเลยกับพวกถอนฟ้องคดีอาญา 1 คดี คดีแพ่ง 2 คดี และตกลงประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งอีก 1 คดี คดีแพ่งทั้ง 4 คดีดังกล่าวไม่ใช่คดีอาญาแผ่นดินจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 แม้จะฟังว่าข้อตกลงในส่วนที่ให้ฝ่ายจำเลยถอนฟ้องคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดีอาญาแผ่นดินซึ่งอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะก็ตาม ก็เป็นส่วนที่แยกออกจากส่วนที่สมบูรณ์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 ซึ่งไม่เกี่ยวกับส่วนที่โจทก์จะได้รับชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท จากจำเลยและจดทะเบียนโอนที่ดินให้จำเลยตามที่ระบุไว้ในบันทึกข้อตกลงสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งเป็นหนี้เดิมจึงระงับไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6766/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลยได้ แม้โอนกรรมสิทธิ์ภายหลัง
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างครอบครองทำประโยชน์ ต่อมาจำเลยได้นำที่ดินดังกล่าวไปออกโฉนดที่ดินโดยปรากฏหลักฐานทางทะเบียนว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อ โจทก์อ้างว่าที่ดินพิพาท ช. สามีโจทก์เป็นผู้ซื้อ ขอให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของ ช. แบ่งที่ดินให้ แต่จำเลยไม่ยอม โจทก์จำเลยจึงขอให้กรรมการหมู่บ้านทำข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเพื่อแบ่งปันที่ดินแปลงพิพาท การทำสัญญาดังกล่าวจึงเป็นการทำสัญญาเพื่อระงับข้อพิพาทที่อาจมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 852

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ระงับสิทธิเรียกร้องเดิม โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาเท่านั้น
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน นายอำเภอเรียกโจทก์และจำเลยมาเจรจากันโดยมีการบันทึกคำเปรียบเทียบไว้ว่าจำเลยตกลงแบ่งที่ดินให้แก่โจทก์ตามส่วนที่ตกลงกัน บันทึกคำเปรียบเทียบดังกล่าวมีลักษณะเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่มีอยู่แล้วในขณะนั้นให้เสร็จไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 อันมีผลให้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์จำเลยที่มีอยู่ต่อกันระงับสิ้นไป โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวอีก คงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8303/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความหลังจากการซื้อขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องตามเช็คชำระค่าเสียหาย
ขณะทำหนังสือสัญญาขายที่ดินและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ลูกหนี้ เจ้าหนี้และลูกหนี้ต่างมีเจตนา อันแท้จริงที่จะผูกพันกันตามราคาที่ดินและเงื่อนไขการชำระราคาตามสัญญาจะซื้อขาย ส่วนการทำสัญญาขายที่ดิน เป็นเพียงวิธีดำเนินการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมายเท่านั้น การที่ลูกหนี้สั่งจ่าย เช็คพิพาทชำระค่าเสียหายอันเนื่องจากเช็คค่าที่ดินเดิมถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเจ้าหนี้ยินยอมถอนคำร้องทุกข์และไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ลูกหนี้ต่อไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ระงับข้อพิพาท ซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน และมีผลให้เจ้าหนี้ได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 850, 852 เจ้าหนี้จึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้ตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8088-8089/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสิทธิเรียกร้องคดีอาญาจากการประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็ค
มูลหนี้ตามเช็คทั้งสองสำนวนนี้เป็นมูลหนี้รายเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งและศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ไปแล้ว ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามเช็คทั้งสองสำนวนนี้เป็นอันระงับไป โจทก์คงมีแต่สิทธิที่จะเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 เท่านั้น แม้จำเลยที่ 2จะมิได้ถูกฟ้องและยอมความในคดีแพ่งด้วยก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทได้อีก เพราะมูลหนี้ดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทเพียงฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6128/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนมรดก: สิทธิทายาท, ข้อตกลงระหว่างบุคคล, และขอบเขตการครอบครอง
ขณะที่จำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 มิถุนายน 2539 นั้น จำเลยได้กระทำในฐานะส่วนตัวและไม่ได้กระทำในฐานะผู้จัดการมรดก อีกทั้งข้อตกลงดังกล่าวก็ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยจะโอนที่พิพาทส่วนของจำเลยให้แก่วัด พ. เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ด. เจ้ามรดกมีบุตร 2 คน คือ จำเลยกับ ส. ซึ่งเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกจาก ด. คนละครึ่งเช่นนี้ โจทก์จะมาฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทส่วนของ ส. ให้แก่วัด พ. หาได้ไม่ อีกประการหนึ่งแม้จะได้ความว่า จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกและเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแต่ผู้เดียวก็ตาม แต่ขณะที่ทำข้อตกลงกับโจทก์นั้นยังไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้ครอบครองที่พิพาทต่อมาก็เป็นการครอบครองแทน ส. นอกจากนี้การที่ ส. ทราบข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลย ก็ไม่ได้หมายความว่า ส. มอบให้จำเลยเป็นผู้ตกลงทำสัญญายกที่พิพาทส่วนของ ส. ให้แก่วัด พ. แต่อย่างใดจึงพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่วัด พ. ได้เฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันระงับข้อพิพาทเช็ค ยุติคดีอาญาได้
สัญญาประนีประนอมยอมความไม่จำเป็นต้องกระทำต่อหน้าศาลหรือต่อผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเสมอไป อาจกระทำกันนอกศาลได้ เมื่อโจทก์และจำเลยสมัครใจได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย โดยมีข้อความระบุว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีทางแพ่งเกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างอันเป็นมูลเหตุให้จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทอีก เป็นการระงับข้อพิพาทในมูลหนี้ที่สั่งจ่ายเช็คพิพาท สัญญาประนีประนอมยอมความจึงบังคับกันได้ตามกฎหมาย มีผลทำให้สิทธิเรียกร้องหนี้ตามเช็คที่โจทก์ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและโจทก์ได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะมีข้อตกลงว่าหากจำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งยอมให้โจทก์ดำเนินคดีอาญาต่อไปทันที และเมื่อจำเลยชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว โจทก์ยอมให้หนี้ตามเช็คในคดีอาญาสิ้นผลผูกพันไปทั้งฉบับ โจทก์ตกลงว่าจะไปขอถอนฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น ก็มิใช่เป็นเงื่อนไขบังคับก่อนที่เป็นผลให้มูลหนี้ระงับต่อเมื่อจำเลยปฏิบัติการชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนไม่ ดังนั้น มูลหนี้ที่ออกเช็คตามฟ้องจึงได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิที่โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6801/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการประนีประนอมยอมความกับคดีแพ่งต่อคดีอาญาเช็ค: สิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและคดีถึงที่สุดแล้วย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน โจทก์คงมีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น แม้จำเลยจะไม่ชำระหนี้โจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามเช็คพิพาทได้อีก หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินเป็นอันระงับสิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเลิกกัน สิทธิของโจทก์ในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับ และแม้ในสัญญาจะระบุเป็นข้อยกเว้นว่าการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการยอมความตามกฎหมายในอันที่จะทำให้สิทธิในการฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คพิพาทเป็นอันระงับถือว่ามีวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายโดยชัดแจ้งตกเป็นโมฆะ และข้อตกลงดังกล่าวสามารถแยกออกต่างหากจากข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้ออื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6776-6777/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันห้ามบังคับคดี & ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารกับให้ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 ก่อนคดีถึงที่สุด โจทก์ที่ 1 กับจำเลยทำสัญญาตกลงระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างโจทก์ที่ 1 กับจำเลยทั้งหมดโดยไม่ติดใจบังคับคดี ต่อมาโจทก์ที่ 1 นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมา ชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยยื่นฟ้องและศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าโจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาระงับข้อพิพาทให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย แสดงว่าจำเลยเป็นฝ่ายที่ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว แต่โจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนั้นจึงไม่อาจบังคับคดีตามคำพิพากษาที่โจทก์ที่ 1 สละแล้วได้อีกต่อไป
เมื่อการนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์เป็นการกระทำของผู้เแทนโจทก์ที่ 1 โดยยืนยันว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยจริง หากเกิดความเสียหายผู้แทนโจทก์ที่ 1 ยินยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลไม่อนุญาตให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้อีกต่อไป โจทก์ที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 และตาราง 5 ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5923/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้เช็ค: โจทก์สละสิทธิเรียกร้องเมื่อทำสัญญาประนีประนอมกับผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่จำเลยร่วมเพื่อชำระค่าโทรทัศน์สี แต่จำเลยร่วมมิได้ส่งมอบเครื่องรับโทรทัศน์ให้จำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 3 ได้ทวงถามเช็คพิพาทคืน แต่จำเลยร่วมไม่คืนให้เพราะนำไปขายลดแก่โจทก์และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยร่วมและผู้สั่งจ่ายเช็ครายอื่นรวม 12 คน ให้ชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คจำนวน 20 ฉบับซึ่งมีเช็คพิพาทรวมอยู่ด้วย ต่อมาโจทก์และจำเลยร่วมทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยร่วมยินยอมชำระเงินให้โจทก์ถือว่าโจทก์สละสิทธิเรียกร้องตามเช็คพิพาทไปแล้วโดยได้สิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ตามเช็คพิพาทระงับสิ้นไป โจทก์ไม่มีสิทธินำเช็คพิพาทมาเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายชำระเงินอีก
of 48