พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9323/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและบทลงโทษ: การปรับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ในคดีเลือกตั้ง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 52 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 88 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี แต่กฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 17 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 20 ยังคงบัญญัติให้การกระทำตามฟ้องเป็นความผิดอยู่และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 101 และมาตรา 137 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับตามลำดับ ซึ่งมีระวางโทษเท่ากัน คือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดจึงเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า แต่เมื่อกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี คดีความผิดฐานดังกล่าวจึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 95 (3) คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 10 ปี แล้ว คดีของโจทก์ในข้อหาดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) ชอบที่ศาลจะต้องยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดข้อหาดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง
ส่วนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 51 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 93 ทวิ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี ส่วน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 71 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 83 ยังคงบัญญัติให้การกระทำตามฟ้องเป็นความผิดอยู่ และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 101 และมาตรา 137 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับตามลำดับ ซึ่งมีระวางโทษเท่ากัน คือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี โทษปรับตามกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดเป็นคุณกว่าโทษปรับตามกฎหมายที่ใช้ภายหลัง แต่โทษจำคุกตามกฎหมายที่ใช้ภายหลังเป็นคุณกว่าโทษจำคุกตามกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคแรก
ปัญหาเรื่องอายุความและการปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ส่วนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 51 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 93 ทวิ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี ส่วน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 71 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 83 ยังคงบัญญัติให้การกระทำตามฟ้องเป็นความผิดอยู่ และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 101 และมาตรา 137 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับตามลำดับ ซึ่งมีระวางโทษเท่ากัน คือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี โทษปรับตามกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดเป็นคุณกว่าโทษปรับตามกฎหมายที่ใช้ภายหลัง แต่โทษจำคุกตามกฎหมายที่ใช้ภายหลังเป็นคุณกว่าโทษจำคุกตามกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคแรก
ปัญหาเรื่องอายุความและการปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3564/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงรายละเอียดคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้ง การอ้างเหตุลอย ๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นมาตรา79แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองด้วยผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่าส. ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะกรรมการรวมยอดคะแนนเลือกตั้งซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา51,52โดยจงใจร่วมกันรวมคะแนนให้ผิดไปจากประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)และรายงานการแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4)ซึ่งคณะกรรมการตรวจคะแนน506หน่วยส่งมาให้และประกาศผลการรวมคะแนนของผู้ร้องมีคะแนนรวม38,204คะแนนลดลงจากเดิมจำนวน718คะแนนส่วนคะแนนของผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม41,515คะแนนเพิ่มจากเดิมจำนวน3,421คะแนนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารดังนี้ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดกับพวกดังกล่าวรวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5)ผิดพลาดแต่ตามคำร้องของผู้ร้องมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่าแต่ละหน่วยเลือกตั้งใน506หน่วยใน7อำเภอผู้ร้องได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนคะแนนของผู้ร้องและของผู้คัดค้านที่3ตามรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)ของแต่ละหน่วยเลือกตั้งเป็นจำนวนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วเป็นยอดคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างทั้งที่มิได้มีการประกาศผลการนับคะแนนณที่เลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา71และกฎกระทรวง(พ.ศ.2522)ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ข้อ21และซึ่งผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วสำหรับข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าในวันเลือกตั้งก่อนเวลา18นาฬิกาผู้ร้องได้ตรวจสอบผลการตรวจคะแนนของคณะกรรมการตรวจนับประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตจังหวัดมุกดาหารรวม506หน่วยซึ่งเป็นคะแนนที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งได้ประกาศผลของการนับคะแนนแก่ประชาชนผู้อยู่ณที่เลือกตั้งความปรากฏว่าผู้ร้องได้ยอดคะแนนรวมทั้งสิ้น38,922คะแนนเป็นคะแนนอันดับ2ส่วนผู้คัดค้านที่2ได้คะแนนรวม43,954คะแนนเป็นคะแนนอันดับที่1ผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม38,094คะแนนเป็นคะแนนอันดับ4นั้นก็เป็นตัวเลขจำนวนคะแนนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างลอยๆไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าในแต่ละหน่วยเลือกตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่2และที่3ได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วจะเป็นคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วการที่ผู้ร้องไม่สามารถแสดงตัวเลขจำนวนคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งได้แสดงว่าผู้ร้องนำตัวเลขยอดคะแนนรวมที่สำนักงานการประถมศึกษารวม7อำเภอในจังหวัดมุกดาหารได้รายงานมาให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารได้รับทราบก่อนจะมีการประกาศผลคะแนนรวมเป็นทางการของจังหวัดและเป็นตัวเลขยอดคะแนนเดียวกับที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหารได้ประกาศผลมาใช้กล่าวอ้างในคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องก็รับแล้วว่ายอดคะแนนรวมดังกล่าวเป็นยอดคะแนนที่ไม่เป็นทางการของจังหวัดมุกดาหารและเป็นคะแนนที่ผู้ร้องตรวจสอบเบื้องต้นดังนั้นตัวเลขที่ผู้ร้องอ้างว่าคะแนนรวมของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่3ผิดพลาดตามคำร้องนั้นจึงเห็นได้ว่าเป็นการคิดคำนวณคาดหมายเอาเองตามนัยดังกล่าวมาแล้วเพียงเพื่อจะอ้างเป็นเหตุร้องคัดค้านและเพื่อให้ปรากฎในคำร้องเท่านั้นและหากศาลวินิจฉัยว่าคำร้องเช่นนี้เป็นคำร้องที่ชอบแล้วผลที่ตามมาก็คือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดเพียงแต่สงสัยการรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้มีหน้าที่รวมยอดคะแนนการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา76ก็อาจยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อให้ศาลทำหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศของการนับคะแนน(ส.ส.5)ให้ใหม่ได้ทุกรายไปคำร้องของผู้ร้องจึงเลื่อนลอยเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองจึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องเพิกถอนการเลือกตั้งต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นถือเป็นคำร้องที่ไม่ชัดเจน
การร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งและให้มีการเลือกตั้งใหม่จะต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนคนใดคนหนึ่งหรือทั้งหมดกระทำการอันฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51,52เมื่อคำร้องกล่าวอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงว่า มีการรายงานผลล่าช้าน่าเชื่อว่ามีการถ่วงเวลาและมีการทุจริตในการเลือกตั้งเท่านั้น มิได้บรรยายถึงรายละเอียดว่า ได้มีการกระทำการฝ่าฝืน ข้อห้ามของกฎหมายดังกล่าวในหน่วยเลือกตั้งใด เจ้าพนักงาน ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน เจ้าหน้าที่คะแนน หรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ คนใดกระทำการดังกล่าวนี้และมิได้มีข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตหรือกระทำมิชอบ ด้วยกฎหมาย ประการใด จึงเป็นคำร้องที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องเพิกถอนการเลือกตั้งต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งที่ชัดเจน
การร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้งใหม่จะต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนคนใดคนหนึ่งหรือทั้งหมดกระทำการอันฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 51,52 เมื่อคำร้องกล่าวอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงว่า มีการรายงานผลล่าช้า น่าเชื่อว่ามีการถ่วงเวลาและมีการทุจริตในการเลือกตั้งเท่านั้น มิได้บรรยายถึงรายละเอียดว่า ได้มีการกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามของกฎหมายดังกล่าวในหน่วยเลือกตั้งใด เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน เจ้าหน้าที่คะแนนหรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ คนใดกระทำการดังกล่าวนี้ และมิได้มีข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตหรือกระทำมิชอบด้วยกฎหมายประการใด จึงเป็นคำร้องที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ขาดความชัดเจนในรายละเอียดข้อกล่าวหา ถือเป็นคำร้องเคลือบคลุม ศาลยกคำร้องได้
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52โดยกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกากบาทหมายเลข 7,8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบ จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7,8 และ 9 ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสีย มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้น และหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน
(คำสั่งศาลฎีกาที่ 56/2536) คำร้องของ ผู้ร้องที่ว่าเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดสมุทรสาคร มีเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละอำเภอ มีกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนซึ่งเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเขตพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบนมี ช.นายอำเภอกระทุ่มแบน เป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตพื้นที่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จำนวน 43 หน่วยเลือกตั้ง ในเขตพื้นที่ อำเภอบ้านแพ้ว จำนวน 31 หน่วยเลือกตั้ง ได้นับคะแนนไม่ตรงกับความจริงในบัตรเลือกตั้ง อ่านบัตรเลือกตั้งของผู้ร้องหมายเลข 7 เป็นของผู้สมัครหมายเลข 1 บ้าง เป็นของผู้สมัครหมายเลข 5 บ้าง หรือเป็นของผู้สมัครอื่นบ้างอ่านบัตรดีของผู้ว่าเป็นบัตรเสียบ้าง อ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 5 เป็นบัตรดีบ้าง และอ่านบัตรที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรที่ไม่ลงคะแนนบ้าง ทั้งกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใด ๆ ทำให้คะแนนของผู้ร้องเปลี่ยนแปลงลดลง และมีผลให้คะแนนของ อ. ผู้สมัคร รับเลือกตั้งหมายเลข 5 มีคะแนนเพิ่มขึ้น ทำให้คะแนนรวมทั้งหมดของ อ.มากกว่าคะแนนของผู้ร้อง 344 คะแนน และได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร การบรรยายคำร้องใน ลักษณะนี้มิใช่การแสดงถึงสภาพแห่งข้ออ้างและข้อหาของผู้ร้อง โดยแจ้งชัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง หากแต่เป็นคำร้องที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงคลุม ๆ และรวมกันมา คำร้องของผู้ร้องจึงทำให้ผู้มีส่วน ได้เสียจากเหตุตามคำร้องเสียเปรียบ ไม่อาจเข้าใจและยื่นคำ คัดค้านได้ตรงกับรูปเรื่อง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม แม้ศาลชั้นต้นจะส่งความเห็นไปยังศาลฎีกา โดยไม่ดำเนิน กระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้อง หรือในกรณีที่เห็นว่าอาจทำให้ ความเห็นได้ไม่ต้องให้คู่ความสืบพยานและสั่งงดการไต่สวน แต่ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกาก็มี อำนาจมีคำสั่งในเรื่องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนและมีเหตุผลตามกฎหมาย โดยเฉพาะการกล่าวอ้างเรื่องค่าใช้จ่ายและเจ้าหน้าที่ขัดขวาง
พระราชบัญญัติ ญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522หมวด 9 การคัดค้านการเลือกตั้ง บัญญัติไว้ในมาตรา 78 ว่า กรณีที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งได้นั้นเฉพาะกรณีที่การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นมีการฝ่าฝืนมาตรา 26 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 51 หรือมาตรา 52 เท่านั้น คำร้องของผู้ร้องได้กล่าวอ้างถึงการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 32 เรื่องที่ผู้ได้รับเลือกตั้งใช้เงินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ใช้เงินคนละกว่าสามล้านบาทโดยไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำนวนเงินที่แน่นอนของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ใช้นั้นเป็นเท่าใด คงใช้วิธีประมาณการเอาเท่านั้นและมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องใดเท่าใด จ่ายไปเมื่อใด ให้แก่ใคร ส่วนที่กล่าวไว้ว่าใช้การซื้อเสียงด้วยเงินก็ไม่กล่าวว่าซื้อเสียงใคร จำนวนมากน้อยเท่าใดสิ้นเงินไปในการนี้เท่าใด ได้จ่ายไปก่อนหรือหลังจากมีการสมัครรับเลือกตั้งข้อกล่าวอ้างตามคำร้องจึงไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาพอที่จะให้ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ซึ่งถูกกล่าวหาเข้าใจได้ดีพอที่จะต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นอกจากนั้นในคำร้องก็มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงเป็นการยืนยันให้เห็นว่า การจ่ายเงินจำนวนที่ผู้ร้องประมาณการมานั้นเป็นการใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งคงกล่าวแต่เพียงว่าใช้เงินคนละกว่าสามล้านบาทเท่านั้น คำร้องของผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุมสำหรับข้ออ้างเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งตามมาตรา 52 ผู้ร้องกล่าวในคำร้องแต่เพียงว่า ในวันเลือกตั้งปรากฏว่าที่หน่วยเลือกตั้งบางหน่วย เช่น หน่วยเลือกตั้งบ้านโคกกระดี่อำเภอตาคลี กรรมการควบคุมการเลือกตั้งได้ช่วยกากากบาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 โดยไม่ได้กล่าวว่ากรรมการควบคุมการเลือกตั้งที่กระทำการดังที่อ้างนั้นเป็นใคร จำนวนคะแนนที่อ้างว่า กากบาทให้นั้นเป็นจำนวนเท่าใด จะทำให้ผลของการเลือกตั้งเปลี่ยนไปหรือไม่ ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องไม่อาจเข้าใจได้ว่าเจ้าพนักงานคนใดกระทำอย่างนั้น ผู้คัดค้านที่ 3 ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งไม่อาจเข้าใจข้อหาและต่อสู้ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องได้ถูกต้อง คำร้องของผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุม เมื่อคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 จึงไม่อาจพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องนำสืบมาในเหตุอ้างสองประการดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้ง ส.ส. สิทธิในการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งจำกัดเฉพาะการเลือกตั้งใหม่ ไม่สามารถเรียกร้องให้ตนเองเป็น ส.ส. แทนได้
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2521 มาตรา 89,102 และพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 77 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2529 มาตรา 6 แสดงว่าสมาชิกภาพของสภาผู้แทนราษฎรย่อมมีได้แต่โดยการเลือกตั้ง ดังนี้ แม้ตามคำร้องของผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้รับเลือกตั้งโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ผู้ร้องคงมีสิทธิเพียงยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อให้เลือกตั้งใหม่เท่านั้นไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนบุคคลอื่นที่ถูกคัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมาชิกภาพ ส.ส. เกิดจากการเลือกตั้งโดยตรง ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งให้ตนเองได้รับเลือกแทน
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มาตรา 89, 102 และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 77 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 (ฉบับ ที่ 2) พ.ศ. 2529 มาตรา 6 แสดงว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมมีได้แต่โดยการเลือกตั้ง ดังนี้ แม้ตามคำร้องของผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้รับเลือกตั้งโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ผู้ร้องคงมีสิทธิเพียงยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อให้เลือกตั้งใหม่เท่านั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนบุคคลอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมาชิกภาพ ส.ส. ได้มาจากการเลือกตั้ง สิทธิผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้ง
ตาม บทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521มาตรา 89102 และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 77 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522(ฉบับ ที่ 2) พ.ศ. 2529 มาตรา 6 แสดงว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมมีได้ แต่ โดย การเลือกตั้ง ดังนี้ แม้ตามคำร้อง ของ ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้รับ เลือกตั้งโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ผู้ร้องคงมีสิทธิเพียงยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อให้เลือกตั้งใหม่เท่านั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนบุคคลอื่น.