คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ม. 57 (5)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหาเสียงที่เกี่ยวกับสิทธิที่ดินและการดูแลประชาชน ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ใด (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2546 ข้อ 3 (11) ที่กำหนดว่า "การโฆษณาหาเสียงโดยการกล่าวถึงนโยบายในการที่จะเข้าไปบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด ให้กระทำได้แต่ทั้งนี้ต้องเป็นงานที่ได้กำหนดว่าเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ตามกฎหมาย และการดำเนินงานตามนโยบายนั้นจะต้องใช้จ่ายจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมีความเป็นไปได้จริง โดยพิจารณาถึงงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ" มีลักษณะเป็นเพียงข้อแนะนำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้พิจารณาประกอบในการที่จะปราศรัยหาเสียง การที่จำเลยซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อันถือได้ว่าเป็นผู้แทนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นนั้น ได้ปราศรัยนโยบายจะดำเนินการให้ประชาชนผู้ที่ถือสิทธิครอบครองในที่ดินสาธารณประโยชน์ได้มีสิทธิทำกินในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น ถือได้ว่าเป็นหน้าที่โดยพื้นฐานของผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชนในท้องถิ่นดังกล่าว ภายหลังการเลือกตั้งปรากฏว่าเมื่อจำเลยได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนขนุนก็ได้ดำเนินการประสานงานกับราชการที่เกี่ยวข้องตามที่หาเสียงไว้ จนกระทั่งมีการดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้แก่ประชาชนในท้องที่ ซึ่งในการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวนี้ ได้ความจาก ศ. ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเขาชัยสน ว่า ในปี 2548 อำเภอเขาชัยสนได้ประสานงานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลควนขนุนเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หลังจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลควนขนุนได้สำรวจและจัดทำบัญชีรายชื่อเจ้าของที่ดินที่เข้าไปทำประโยชน์ในที่สาธารณะ จึงเป็นที่เห็นได้ว่า การที่จำเลยปราศรัยหาเสียงจัดที่ทำกินให้ประชาชนดังกล่าวเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่จำเลยจะต้องเข้าไปรับผิดชอบดูแลโดยตรง คำปราศรัยหาเสียงของจำเลยจึงมิได้เป็นการหาเสียงที่ฝ่าฝืนต่อประกาศการเลือกตั้งแต่อย่างใด
การที่จำเลยกล่าวปราศรัยว่าจะดำเนินการให้ประชาชนที่ครอบครองทำกินในที่ดินสาธารณประโยชน์ให้มีสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าวโดยถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการทำหน้าที่ของผู้แทนปวงชนในท้องถิ่น กรณีดังกล่าวจึงมิใช่เป็นเรื่องเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามความหมายแห่งมาตรา 57 (1) ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5644/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง: เสนอผลประโยชน์-ใส่ร้ายคู่แข่งเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำเลยซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ และ ส. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุ จำเลยได้ปราศรัยหาเสียงว่า "จะตั้งทนายประจำทีมและจะดำเนินการช่วยเหลือโดยการประกันตัวให้กับทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง" คำปราศรัยของจำเลยมุ่งประสงค์จะช่วยเหลือในการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการหรือศาล เพื่อให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งถูกควบคุมหรือขังได้รับการปล่อยชั่วคราว นอกจากที่ตามปกติผู้ขอประกันจะต้องนำหลักทรัพย์ ซึ่งอาจต้องเสียเงินเช่าหลักทรัพย์หรือจัดซื้อกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ ดังนั้น การเสนอว่าจะใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุหรือตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับจำเลยเป็นหลักประกันในการยื่นคำร้องปล่อยชั่วคราว ทั้งที่มิใช่งานในหน้าที่ตามกฎหมายของนายกเทศมนตรี จึงมีลักษณะเป็นการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย หาใช่เป็นเพียงนโยบายของกลุ่มของจำเลยที่จะให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 57 (1) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 การปราศรัยหาเสียงของจำเลยว่า "นายกมีหน้าที่อะไร มีหน้าที่อย่าให้ใครมาซื้อซองเพราะซื้อซองฮั้วไม่ได้ ซอย 5 บ้านคลองปอมไม่ได้ทำเพราะไม่มีฮั้ว" คำปราศรัยของจำเลยเป็นการมุ่งประสงค์ให้ผู้ฟังเข้าใจว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ แต่พอเข้าใจได้ว่าคือ ส. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแข่งกับจำเลย ไม่ดำเนินการให้มีการก่อสร้างถนนมุสลิมซอย 5 บ้านคลองปอม เพราะไม่มีการฮั้ว มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต จึงมีลักษณะเป็นการใส่ร้ายหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องการประมูลก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กถนนมุสลิม ซอย 5 เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย อันเป็นความผิดตามมาตรา 57 (5) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 และการปราศรัยของจำเลยที่ว่า "เรื่องส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม ถ้าผมได้จัดงานมั่นใจไหมครับ ถ้าผมจัดงานหรอยไม่หรอย (ดีไม่ดี) ชัวร์ไหมครับ เวทีผมไม่คิดเบี้ยเลย (ไม่คิดเงินเลย) ถ้าผมไปจัดงานให้ถ้ามีโอกาสก็จะจัดให้อลังการ 5 วัน 5 คืน 10 วัน 10 คืน โดยที่ทางวัดไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายไหร (อะไร) เลย" คำปราศรัยของจำเลยมีความหมายว่า จำเลยซึ่งมีอาชีพในการจัดเวทีและเครื่องเสียง ถ้าจำเลยเป็นผู้จัดงานส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรม จำเลยจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ โดยจำเลยไม่คิดค่าเวที จึงเป็นการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่วัดที่เป็นเจ้าภาพจัดงานส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรม เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10942/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเลือกตั้งและการแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายต้องเป็น กกต. หรือผู้สมัคร และอายุความหมิ่นประมาท
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม การกระทำใดที่เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อการเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น มิได้มีผลต่อบุคคลภายนอก ประกอบกับมาตรา 135 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ยังบัญญัติว่า "ในกรณีที่ปรากฏว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งใด ให้ถือว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา" เมื่อโจทก์มิใช่คณะกรรมการการเลือกตั้งและมิใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติรับรองไว้อีกด้วย ส่วนที่การกระทำของจำเลยอาจทำให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญาและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โจทก์ก็เป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 137, 174 ได้อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10820/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ของ กกต. ชอบด้วยกฎหมาย แม้ข้อความหลอกลวงมิได้ปรากฏในหนังสือร้องเรียนแรกเริ่ม แต่ได้จากการไต่สวน
แม้ ป. จะไม่ได้กล่าวถึงข้อความที่ว่า "เราชาวนราฯ ผู้สนับสนุนพรรค ช. ขอส่งรองประธานสาขาพรรค เขต 1 ว. เบอร์ 1 เขต 4 เป็นสมาชิก อบจ." ในหนังสือร้องเรียน แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวจากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต. จว. นราธิวาส ตามบันทึกถ้อยคำของ อ. ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนราธิวาสต้องส่งสำนวนและความเห็นให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ตามข้อ 31 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2546 เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย จึงเท่ากับว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยข้อความที่ว่า "เราชาวนราฯ ผู้สนับสนุนพรรค ช. ขอส่งรองประธานสาขาพรรค เขต 1 ว. เบอร์ 1 เขต 4 เป็นสมาชิก อบจ." ที่ปรากฏจากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต. จว. นราธิวาส ว่า เป็นข้อความที่แสดงว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส จูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองด้วยวิธีการหลอกลวง ให้เข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้สมัครของพรรค ช. ตามหนังสือร้องเรียนของ ป. แล้ว ดังนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีอำนาจร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยตามข้อ 36 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2546 การแจ้งความร้องทุกข์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงชอบด้วยกฎหมาย