คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ม. 4

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6729/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตสถานบริการเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนไม่ได้ แม้เป็นสินสมรส
ใบอนุญาตประกอบกิจการร้านอาหารและสถานบริการชื่อ บ. คาราโอเกะ และ ป. คันทรีคลับ เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ได้รับใบอนุญาต เนื่องจากการจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดตั้งสถานบริการ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 หากผู้ใดฝ่าฝืนตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องรับโทษตามมาตรา 26 ทั้งไม่มีบทบัญญัติอนุญาตให้มีการโอนใบอนุญาตแก่กันได้ แม้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในใบอนุญาตฯ ซึ่งเป็นทรัพย์สินเพราะเป็นสินสมรสของโจทก์จำเลยที่ประกอบธุรกิจขณะเป็นสามีภริยากัน แต่การที่จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้รับอนุญาต ตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวที่ไม่ประสงค์ให้โอนใบอนุญาตกัน โจทก์ไม่อาจฟ้องบังคับให้ลงชื่อโจทก์ในใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา การแจ้งฐานความผิด และการพิพากษาเกินคำฟ้อง
บันทึกการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาเพื่อความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่การฟ้องคดีด้วยวาจาไม่ การฟ้องด้วยวาจาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 19 บัญญัติให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ การที่บันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพและคำพิพากษาในคดีนี้ระบุว่าจำเลยกระทำความผิดฐานจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ ถือว่าโจทก์แจ้งต่อศาลถึงฐานความผิดและการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดแล้ว โจทก์ไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นความพลั้งเผลอของเจ้าหน้าที่ศาล เมื่อบันทึกของศาลระบุว่าจำเลยกระทำความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แสดงว่าโจทก์ประสงค์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวเพียงสถานเดียว ศาลชั้นต้นจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งไม่ได้กล่าวในบันทึกคำฟ้องของศาลได้ แม้ศาลชั้นต้นจะลงโทษจำเลยในฐานความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยฝ่าฝืนกฎหมายอีกฐานหนึ่งก็เป็นการพิพากษาเกินจากที่โจทก์ได้กล่าวในบันทึกคำฟ้องของศาลต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 4 มิใช่ศาลชั้นต้นปรับบทผิดตามที่โจทก์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาและการฟ้องคดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกฐานความผิดไม่ แม้เดิมพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฎว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยมิได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนจัดตั้งไม่น้อยกว่า 15 วัน อันเป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องการจัดตั้งสถานบริการเหมือนกัน ก็เรียกได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดฐานดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสถานบริการ: แม้แจ้งข้อหาไม่ครบถ้วน หากสอบสวนความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องแล้ว โจทก์ยังมีอำนาจฟ้องได้
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกฐานความผิดไม่ แม้เดิมพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยมิได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนจัดตั้งไม่น้อยกว่า15 วัน อันเป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องการจัดตั้งสถานบริการเหมือนกัน ก็เรียกได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดฐานดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตสถานบริการเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนให้ผู้อื่นไม่ได้ แม้ได้รับมอบหมาย
พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 ตราออกมาเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ศีลธรรม วัฒนธรรม และประเพณีอันดีของชาติใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการจึงเป็นใบอนุญาตเฉพาะตัวของผู้รับอนุญาตจะขออนุญาตแทนกันไม่ได้ โจทก์จึงไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้โอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการให้โจทก์โดย อ้างว่าเป็นผู้ถือใบอนุญาตแทนโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตสถานบริการเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนไม่ได้ แม้มอบหมายให้ผู้อื่นถือแทน
ใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509เป็นใบอนุญาตเฉพาะตัวของผู้รับอนุญาตโดยเฉพาะ จะขออนุญาตแทนกันไม่ได้ และ พ.ร.บ.ฉบับนี้มิได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้ แสดงว่าใบอนุญาตตั้งสถานบริการเป็นใบอนุญาตที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ระบุไว้จะต้องพิจารณาออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาต และผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในกฎหมายนี้เท่านั้น กรณีจึงไม่อาจฟ้อง ขอให้บังคับโอนใบอนุญาตให้แก่กันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตสถานบริการเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้รับอนุญาต โอนหรือขอแทนไม่ได้
พระราชบัญญัติสถานบริการฯ ตราออกมาเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ศีลธรรม วัฒนธรรม และประเพณีอันดีของชาติ ดังนั้นใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการจึงเป็นใบอนุญาตเฉพาะตัวของผู้รับอนุญาตโดยเฉพาะ จะขออนุญาตแทนกันไม่ได้ และในพระราชบัญญัติฉบับนี้มิได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้เป็นการยืนยันให้เห็นว่า ใบอนุญาตตั้งสถานบริการเป็นใบอนุญาตที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะพิจารณาออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาตและผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการให้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจทางปกครอง: การไม่อนุญาตตั้งสถานบริการไม่ขัดรัฐธรรมนูญหากใช้ดุลพินิจชอบธรรมตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 4 และมาตรา 11บัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่และปลัดกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจพิจารณาอนุญาตให้ตั้งสถานบริการประเภทสถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัวซึ่งมีหญิงบริการแก่ลูกค้าชายหรือไม่ก็ได้ การที่บุคคลดังกล่าวใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ตั้งสถานบริการนวดแผนโบราณโดยยึดถือนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ย่อมเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่า พนักงานเจ้าหน้าที่และปลัดกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจพิจารณาไม่อนุญาตโดยไม่สุจริต หรือขัดต่อพยานหลักฐาน หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509ประการใด บุคคลดังกล่าวจึงมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยพิจารณาจากคำฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโอนใบอนุญาตสถานบริการเป็นโมฆะ กฎหมายไม่อนุญาตให้โอนสิทธิการได้รับอนุญาต
ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับหรือห้ามไว้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีโทษทางอาญาทั้งพระราชบัญญัติสถานบริการไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นใบอนุญาตที่ออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและอาคารสถานที่ตั้งก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย และศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีของชาติ ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นหาได้ไม่ สัญญาโอนใบอนุญาตจึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโอนใบอนุญาตสถานบริการเป็นโมฆะ เนื่องจากใบอนุญาตมีลักษณะเฉพาะตัวและกฎหมายไม่อนุญาตให้โอนได้
ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับหรือห้ามไว้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีโทษทางอาญา ทั้งพระราชบัญญัติสถานบริการไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นใบอนุญาตที่ออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและอาคารสถานที่ตั้งก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีของชาติ ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นหาได้ไม่ สัญญาโอนใบอนุญาตจึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
of 2