พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายจากประวัติอาชญากรรมซ้ำ
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาฐานลักทรัพย์มา 3 ครั้งแต่เวลานั้นจำเลยมีอายุน้อย ศาลเรียกประกันทัณฑ์บนบ้างต้องขังมาพอแก่โทษบ้าง ส่งโรงเรียนดัดสันดานบ้าง ต่อมาจำเลยมากระทำผิดฐานลักทรัพย์ต้องจำคุก 4 เดือน ครั้ง 1 และต้องโทษฐานรับของโจรจำคุก 2 เดือนอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งหลังจำเลยมากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีก ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ต้องเพิ่มโทษกักกันตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย 2479
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์: การรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นฟังว่าห้องเช่าเป็นเคหะ จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ไม่ใช่เคหะ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาเพียงว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เฉพาะในข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 238 ส่วนข้อที่ว่าห้องเช่าไม่ใช่เคหะนั้น จำเลยมิได้คัดค้านในฎีกามาดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยฎีกาขึ้นมาฟังไม่ขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเคหะต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.238 และการไม่ยกข้อต่อสู้ในฎีกา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นฟังว่าห้องเช่าเป็นเคหะ จึงพิพากษายกฟ้องแต่ศาล อุทธรณ์ฟังว่า ไม่ใช่เคหะ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย ่จำเลยฎีกาเพียงว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เฉพาะใน ขจ้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ชอบด้วยป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 238 ส่วนข้อที่ว่าห้องเช่าไม่ใช่เคหะนั้น จำเลยมิได้คัดค้านในฎีกามา ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยฎีกา ขึ้นมาฟังไม่ขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเคหะต่อไป./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิจากรถขายฝาก แม้ไม่รู้สถานะก็ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 ขายฝากรถยนต์ 1 คันไว้แก่โจทก์ ครบกำหนดไถ่แล้วไม่ไถ่คืน โจทก์จึงโอนทะเบียนเป็นชื่อโจทก์ในระหว่างขายฝากจำเลยที่ 1 ยืมรถยนต์ที่ขายฝากไปใช้ว่าจะส่งคืนใน 3 วัน แล้วไม่ส่งคืน จำเลยที่ 2เอารถยนต์นั้นไปใช้ต่างจังหวัด จนรถยนต์ชำรุดเสียหายดังนี้ จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้ว่ามีการขายฝาก ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายจากการใช้รถยนต์ที่ขายฝาก แม้ผู้ใช้จะไม่ทราบการขายฝาก
จำเลยที่ 1 ขายฝากรถยนต์ 1 คัน ไว้แก่โจทก์ ครบกำหนดไถ่แล้วไม่ไถ่คืน โจทก์จึงโอนทะเบียนเป็นชื่อโจทก์ ใน ระหว่างขายฝากจำเลยที่ 1 ยืมรถยนต์ที่ขายฝากไปใช้ ว่าจะส่งคืนใน 3 วัน แล้วไม่ส่งคืน จำเลยที่ 2 เอารถยนต์นั้น ไปใช้ต่างจังหวัด จนรถยนต์ชำรุดเสียหาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย เพราะเป็นการ ละเมิดสิทธิของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้ว่ามีการขายฝาก ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัวไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้กู้ยืมของผู้ตายยังผูกพันกองมรดก แม้มีผู้รับรองหนี้ แต่ไม่เคยชำระหนี้จริง
เจ้าหนี้ของผู้ตาย ฟ้องเรียกเงินกู้ที่ผู้ตายกู้ไว้จากผู้ซึ่งอ้างตนว่า เป็นทายาทของผู้ตาย แล้วประนีประนอมยอมความกันในศาล โดยผู้อ้างว่าเป็นทายาทนั้น จะรับใช้ซึ่งเงินกู้ และดอกเบี้ยให้ ศาลจึงพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงนำยึดที่ดินของกองมรดก
บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริง จึงขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึด คดีถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จึงมาฟ้องบุตรของผู้ตาย ผู้เป็นทายาทที่แท้จริงเรียกเงินกู้จำนวนเดิมนั้นอีกได้ เพราะหากผู้ตายกู้เงินเขาไว้จริง หนี้นั้นก็ยังไม่ระงับ คงผูกพันกองมรดกอยู่
บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริง จึงขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึด คดีถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จึงมาฟ้องบุตรของผู้ตาย ผู้เป็นทายาทที่แท้จริงเรียกเงินกู้จำนวนเดิมนั้นอีกได้ เพราะหากผู้ตายกู้เงินเขาไว้จริง หนี้นั้นก็ยังไม่ระงับ คงผูกพันกองมรดกอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เดิมยังผูกพันกองมรดก แม้มีการรับรองหนี้ แต่ผู้รับรองไม่ชำระ
เจ้าหนี้ของผู้ตาย ฟ้องเรียกเงินกู้ที่ผู้ตายกู้ไว้จากผู้ซึ่งอ้างตนว่า เป็นทายาทของผู้ตาย แล้วประนีประนอมยอมความ กันในศาล โดยผู้อ้างว่าเป็นทายาทนั้น จะรับใช้เงินกู้ และดอกเบี้ยให้ ศาลจึงพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดไม่ ชำระ เจ้าหนี้จึงนำยึดที่ดินของกองมรดก บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริง จึงขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึด คดีถึงที่สุดแล้วเจ้าหนี้จึงมาฟ้องบุตรของผู้ตาย ผู้เป็นทายาทที่แท้จริงเรียกเงินกู้จำนวนเดิมนั้นอีกได้ เพราะหากผู้ ตายกู้เงินเขาไว้จริง หนี้นั้นก็ยังไม่ระงับ คงผูกพันกองมรดกอยู่./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้ใช้อำนาจปกครองกู้เงินแทนเด็ก: เด็กต้องรับผิดชอบหนี้เมื่อเงินใช้เพื่อประโยชน์ของตน
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1546 (3) ไม่ได้ห้ามไม่ให้ผู้ใช้อำนาจปกครองไปกู้เงินเขาแทนเด็ก ฉะนั้นเมื่อผู้ใช้อำนาจปกครอง ไปกู้เงินเขาใช้ เพื่อประโยชน์ของเด็กแล้ว เด็กก็ต้องรับผิดต่อผู้ให้กู้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้ใช้อำนาจปกครองกู้เงินแทนเด็ก: เด็กต้องรับผิดชอบหนี้เมื่อเงินถูกใช้เพื่อประโยชน์ของตน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1546(3)ไม่ได้ห้ามไม่ให้ผู้ใช้อำนาจปกครองไปกู้เงินเขาแทนเด็ก ฉะนั้นเมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองไปกู้เงินเขาใช้ เพื่อประโยชน์ของเด็กแล้ว เด็กก็ต้องรับผิดต่อผู้ให้กู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ปกครองต่อการกระทำละเมิดของเด็ก: การใช้ความระมัดระวังตามสมควร
ผู้ไร้ความสามารถและบิดามารดา ต้องรับผิดในผลที่เด็กกระทำละเมิด เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
บิดาเก็บปืนลูกซองไว้บนหลังตู้เซฟ บุตรอายุ 9 ขวบหยิบไม่ถึง ต่อมาปรากฏว่าบุตรเอาปืนนั้นไป บิดาจึงสั่งให้ผู้มีชื่อเอาปืนจากบุตรไปเก็บไว้ พอตอนเย็นบุตรก็มาพูดหลอกว่าบิดาให้มาเอาปืนไปอีก ได้ปืนแล้วไปยิงนก จนทำปืนลั่นถูกเด็กอื่นตาย ดังนี้ วินิจฉัยว่าการที่บิดาสั่งเพียงให้เก็บปืนไว้เฉยๆ มิได้กำชับว่าอย่ามอบให้บุตรเอาไปนั้น ยังเรียกไม่ได้ว่า บิดาได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลดังที่กฎหมายบังคับไว้ บิดาจึงต้องร่วมรับผิดในผลของการละเมิดนั้นด้วย
บิดาเก็บปืนลูกซองไว้บนหลังตู้เซฟ บุตรอายุ 9 ขวบหยิบไม่ถึง ต่อมาปรากฏว่าบุตรเอาปืนนั้นไป บิดาจึงสั่งให้ผู้มีชื่อเอาปืนจากบุตรไปเก็บไว้ พอตอนเย็นบุตรก็มาพูดหลอกว่าบิดาให้มาเอาปืนไปอีก ได้ปืนแล้วไปยิงนก จนทำปืนลั่นถูกเด็กอื่นตาย ดังนี้ วินิจฉัยว่าการที่บิดาสั่งเพียงให้เก็บปืนไว้เฉยๆ มิได้กำชับว่าอย่ามอบให้บุตรเอาไปนั้น ยังเรียกไม่ได้ว่า บิดาได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลดังที่กฎหมายบังคับไว้ บิดาจึงต้องร่วมรับผิดในผลของการละเมิดนั้นด้วย