คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ที่ไม่มีอำนาจ ไม่ต้องติดอายุความตามมาตรา 240
การเพิกถอนการฉ้อฉล ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 นั้น เป็นเรื่องเพิกถอนการโอนตามสิทธิที่มีอยู่ แต่ทำให้เจ้าหนี้ที่เสียเปรียบ ถ้าเป็นการโอนทรัพย์ที่ผู้โอนไม่ใช่เจ้าของเป็นการโอนโดยปราศจากอำนาจการเพิกถอนไม่จำต้องทำการใน1 ปี ตาม มาตรา 240

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเผาไร่อ้อยใกล้เคียงบ้านเรือนผู้อื่น จนเกิดเหตุไฟไหม้เข้าบ้านผู้อื่น ศาลวินิจฉัยความรับผิดทางอาญา
จำเลยจุดเผาไร้อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้+ ตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่.
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนึออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเห็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้
การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมมาตรา 201./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเผาไร่อ้อยประมาทเลินเล่อทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนผู้อื่น ความรับผิดทางอาญามาตรา 201
จำเลยจุดเผาไร่อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะพร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนีออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมาตรา 201

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันฯ สามารถถูกลงโทษกักกันซ้ำได้ แม้ยังไม่พ้นโทษกักกันก่อน
ผู้ที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายตามพระราชบัญญัติกักกันฯ มาตรา 6 นั้นเพียงแต่เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษกักกันมาแล้วเท่านั้น ไม่จำต้องพ้นโทษกักกันไปแล้ว มากระทำผิดขึ้นอีก เช่นที่บัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 72 ไม่และเมื่อเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ตามมาตรา 9 แห่ง พระราชบัญญัติกักกันฯลฯก็ได้บัญญัติไว้ตายตัวให้ศาลลงโทษกักกันศาลจะใช้ดุลพินิจงดลงโทษกักกันเสียไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันฯ แม้ยังไม่พ้นโทษกักกันเดิม ก็ยังคงถูกลงโทษกักกันซ้ำได้
ผู้ที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันฯ มาตรา 6 นั้น เพียงแต่เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษกักกันมาแล้วเท่านั้น ไม่จำต้องพ้นโทษกักกันไปแล้ว มากระทำผิดขึ้นอีก เช่นที่บัญญัติไว้ใน ก.ม.ลัษณะอาญา มาตรา 72 ไม่. และเมื่อเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. กักกันฯลฯ ก็ได้บัญญัติไว้ตายตัวให้ศาลลงโทษกักกัน ศาลจะใช้ดุลยพินิจงดลงโทษกักกันเสียไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเรียกรับสินน้ำใจ แม้ยังไม่ได้รับเงินก็ถือเป็นความผิดสำเร็จ
ความผิดฐานเรียกหรือรับสินน้ำใจตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 137 นั้น เพียงแต่เรียก หรือรับหรือยอมว่าจะรับ อย่างหนึ่งอย่างใดก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานรถไฟเรียกเงินจากผู้ส่งของทางรถไฟ นอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียผู้ส่งของโกรธ จึงไม่ส่งของนั้น แม้เจ้าพนักงานจะยังไม่ได้รับเงินเพราะผู้ส่งของไม่ยอมให้นั้นเจ้าพนักงานรถไฟผู้นั้นก็มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเรียกสินบนสำเร็จ แม้ยังไม่ได้รับเงิน
ความผิดฐานเรียกหรือรับสินน้ำใจตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 137 นั้น เพียงแต่เรียก หรือรับหรือยอมว่ารับ อย่างหนึ่งอย่างใด ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานรถไฟเรียกเงินจากผู้ส่งของทางรถไฟ นอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมที่ต้องเสีย ผู้ส่งของโกรธ จึงไม่ส่งของนั้น แม้เจ้าพนักงานจะยังไม่ได้รับเงินเพราะผู้ส่งของไม่ยอมให้นั้น เจ้าพนักงานรถไฟผู้นั้นก็มีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 137 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันกับการงดฟ้องอาญา: ความประสงค์อันแท้จริงของสัญญา
สัญญาค้ำประกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าได้ฉ้อโกงโจทก์จริงและยอมใช้เงินให้โจทก์ จำเลยที่ 2
มารดาจำเลยที่ 1 ยอมค้ำประกันเมื่อจำเลยที่ 1 บิดพลิ้ว ยินดีรับใช้แทนจนครบ โจทก์ผู้กล่าวหายินดีและตกลง ดังนี้
แม้จะมิได้มีข้อความแจ้งชัดว่าจะไม่ฟ้องในทางอาญา าก็เป็นที่เข้าใจกันตามปกติว่า การที่จำเลยที่ 2 เข้าค้ำประกัน
รับใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรก็ประสงค์ให้โจทก์งดเว้น ไม่ฟ้องบุตรจำเลยที่ 2 ทางอาญา ฉะนั้นแม้จำเลยจะผิดนัด ไม่ใช้หนี้ตามกำหนดในสัญญา ก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องทางอาญาได้เมื่อโจทก์ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในทางอาญา จึงไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำให้ไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความผิด./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันกับการงดฟ้องอาญา: ความประสงค์อันแท้จริงของสัญญา
สัญญาค้ำประกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าได้ฉ้อโกงโจทก์จริงและยอมใช้เงินให้โจทก์จำเลยที่ 2มารดาจำเลยที่ 1 ยอมค้ำประกันเมื่อจำเลยที่ 1 บิดพลิ้วยินดีรับใช้แทนจนครบ โจทก์ผู้กล่าวหายินดีและตกลงดังนี้ แม้จะมิได้มีข้อความแจ้งชัดว่าจะไม่ฟ้องในทางอาญา ก็เป็นที่เข้าใจกันตามปกติว่า การที่จำเลยที่2 เข้าค้ำประกันรับใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรก็ประสงค์ให้โจทก์งดเว้น ไม่ฟ้องบุตรจำเลยที่ 2 ทางอาญา ฉะนั้นแม้จำเลยจะผิดนัด ไม่ใช้หนี้ตามกำหนดในสัญญา ก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องทางอาญาได้เมื่อโจทก์ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในทางอาญา จึงไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำให้ไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากลักษณะบาดแผลและปืนที่ใช้
การใช้ปืนที่ทำขึ้นเองยิงคนนั้น จะสันนิษฐานว่าปืนที่ทำขึ้นเองใช้ยิงคนให้ตายได้หรือไม่ ยังไม่ชอบต้องดูพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบ เช่นลักษณะของปืน กระสุนและบาดแผล เป็นต้น
ใช้ปืนที่ทำขึ้นเองยิงเขามีบาดแผล 3 แห่งแผลที่ 1 ตรงเหนือข้อมือซ้ายกว้าง 5 ม.ม. ยาว 7 ม.ม. ลึกทะลุ แผลที่ 2 ตรงชายโครงซ้าย กว้าง 3 ม.ม. ยาว 3 ม.ม. ลึก 3 ซ.ม.แผลที่ 3 ตรงหน้าขาซ้าย กว้าง 1 ซ.ม. ยาว 1 ซ.ม. ลึก 6 ซ.ม. ฐานแผลช้ำทั้ง 3 แผล ดังนี้ ตามลักษณะบาดแผลเช่นนี้ ถ้าถูกที่สำคัญอาจทำให้ถึงตายได้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา
of 260