คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากลักษณะบาดแผลและปืนที่ใช้
การใช้ปืนที่ทำขึ้นเองยิงคนนั้น จะสันนิษฐานว่าปืนที่ทำขึ้นเองใช้ยิงคนให้ตายได้หรือไม่ ยังไม่ชอบต้องดูพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบ เช่นลักษณะของปืน กระสุนและบาดแผล เป็นต้น
ใช้ปืนที่ทำขึ้นเองยิงเขามีบาดแผล 3 แห่งแผลที่ 1 ตรงเหนือข้อมือซ้ายกว้าง 5 ม.ม. ยาว 7 ม.ม. ลึกทะลุ แผลที่ 2 ตรงชายโครงซ้าย กว้าง 3 ม.ม. ยาว 3 ม.ม. ลึก 3 ซ.ม.แผลที่ 3 ตรงหน้าขาซ้าย กว้าง 1 ซ.ม. ยาว 1 ซ.ม. ลึก 6 ซ.ม. ฐานแผลช้ำทั้ง 3 แผล ดังนี้ ตามลักษณะบาดแผลเช่นนี้ ถ้าถูกที่สำคัญอาจทำให้ถึงตายได้ จำเลยต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ไม่ถือเป็นการฝากทรัพย์ สิทธิความเป็นเจ้าของยังคงอยู่
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองไว้แทนเพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกยึดทรัพย์
บัดนี้จำเลยจะขายที่พิพาทนี้โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องฝ่ายจำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำเลยครอบครองโดยอำนาจของตนเองหาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยอาศัยนิติกรรมการฝากทรัพย์ไม่ฉะนั้นจะยกเอาอายุความเรื่องการฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ และประเด็นในคดีนี้คงมีเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้วแม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็หาได้สิทธิเป็นเจ้าของไม่ โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ไม่ถือเป็นการฝากทรัพย์ สิทธิในทรัพย์สินยังคงเป็นของเจ้าของเดิม
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ๆ ให้จำเลยยึดถือครอบครองไว้แทนเพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ บัด
นี้จำเลยจะขายที่พิพาทนี้ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของดจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ฝ่ายจำเลยก็ต่อสู้ว่าที่
พิพาทเป็นของจำเลยๆ ครอบครองดดยอำนาจของตนเอง หาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ฟ้อง
ขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนได้โดยอาศัยนิติกรรมการ
ฝากทรัพย์ไม่ ฉะนั้นจะยกเอาอายุความเรื่องการฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ และประเด็นในคดีนี้คงมีเพียงว่า ที่พิ
พาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดง
เจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้ว แม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็หาได้สิทธิเป็นเจ้า
ของไม่ โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขวางการซ่อมแซมเหมืองสาธารณะและการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยไม่ยอมให้ใครเข้าไปซ่อมเหมืองสาธารณะ ซึ่งคันเหมืองถูกทำลายเป็นเหตุให้น้ำไม่ไหลไปตามลำเหมืองไปสู่นาของราษฎรตามปกตินั้น กรมการอำเภอย่อมมีอำนาจตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122 ที่จะสั่งให้จำเลยเลิกถอนการบุกรุกเหมืองนี้ได้เมื่อสั่งแล้วจำเลยบังอาจขัดขืนโดยยึดถือเอาเหมืองนั้นเป็นที่ของตนเสีย ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปซ่อม หรือทำเหมืองให้น้ำไหลไปตามปกติแล้ว จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 334(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีบุกรุกเหมืองสาธารณะ กรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้แก้ไข
การที่จำเลยไม่ยอมให้ใครเข้าไปซ่อมเหมืองสาธารณะ ซึ่งคันเหมือนถูกทำลายเป็นเหตุให้น้ำไม่ไหล ไปตามลำเหมืองไปสู่นาของราษฎรตามปกตินั้น กรมการอำเภอย่อมมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457
มาตรา 122 ที่จะสั่งให้จำเลยเลิกถอนการบุกรุกเหมืองนี้ได้ เมื่อสั่งแล้ว จำเลยบังอาจขัดขืนโดยยึดถือเอาเหมืองนั้น
เป็นที่ของตนเสีย ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปซ่อม หรือทำเหมืองให้น้ำไหลไปตามปกติแล้ว จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานขัด
คำสั่งเจ้าพนักงานตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 334(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้น้ำสาธารณะ การปิดกั้นทางน้ำถือเป็นการละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหาย แม้ผู้ใช้ยังไม่ได้รับอนุญาต
ทางน้ำหรือสายน้ำอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้นทุกคนย่อมมีสิทธิใช้ได้ร่วมกันแต่ผู้หนึ่งผู้ใดก็หามีสิทธิที่จะทำทำนบปิดกั้นทางน้ำนั้นเสียไม่ถ้าไปปิดกั้นเข้าทำให้ผู้ใช้คนอื่นเสียหายก็ย่อมถือว่าเป็นการละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายนั้น
จำเลยทำทำนบปิดกั้นสายน้ำในห้วยสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ชักน้ำมาใช้ในเหมืองของจำเลย เป็นเหตุให้น้ำในห้วยนั้นซึ่งไหลตามธรรมชาติไปสู่เหมืองโจทก์ลดน้อยลงทำให้โจทก์เสียหายทำเหมืองไม่ได้ตามปรกตินั้น จำเลยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นให้โจทก์ และแม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานโลหกิจให้ใช้สายน้ำนี้ในการทำเหมืองแร่อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติเหมืองแร่ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับรัฐบาลหาเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยผู้ละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้น้ำสาธารณะ การปิดกั้นทางน้ำละเมิดต่อผู้อื่น แม้ไม่มีใบอนุญาตใช้ทำเหมือง
ทางน้ำหรือสายน้ำอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน นั้นทุกคนย่อมมีสิทธิใช้ได้ร่วมกันแต่ผู้หนึ่งผู้ใดก็หามีสิทธิที่จะทำทำนบปิดกั้นทางน้ำนั้นเสียไม่ ถ้าไปปิดกั้นเข้าทำให้ผู้ใช้คนอื่นเสียหายก็ย่อมถือว่าเป็นการละเมิด ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายนั้น.
จำเลยทำทำนบปิดกั้นสายน้ำในห้วยสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ชักน้ำมาใช้ในเหมืองของจำเลย เป็นเหตุให้น้ำในห้วยนั้นซึ่งไหลตามธรรมชาติไปสู่เหมืองโจทก์ลดน้อยลง ทำให้โจทก์เสียหาย ทำเหมืองไม่ได้ตามปรกตินั้น จำเลยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นให้โจทก์ และแม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานโลหกิจให้ใช้สายน้ำนี้ในการทำเหมืองแร่อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.เหมืองแร่ ก็เป็นเรื่องระหว่างโจกท์กับรัฐบาล หาเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยผู้ละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: สิทธิในการใช้ก่อนย่อมมีผล แต่สิทธิในการจดทะเบียนยังไม่ชัดเจน
เมื่อโจทก์ยังหาได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าแล้วโจทก์จะนำคดีมาสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสีย
หายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้.
โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าตราม้าบินสำหรับสินค้าดินสอดำสั่งเข้ามาจำหน่ายแพร่หลายแล้วในประเทศไทยและเครื่องหมายตราม้าบินใช้สำหรับดินสอของจำเลย ก็มีบุคคลอื่นสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายแพร่หลายมานานแล้ว จำเลยจึงสั่งเข้ามาบ้าง และจำเลยก็ได้จำหน่ายสินค้าดินสอนี้มานานแล้วเหมือนกัน ดังนี้ จะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิที่จะจดทะเบียนการค้าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตราม้าบินนี้ แต่ผู้เดียวหาได้ไม่./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน: การแย่งสิทธิในการจดทะเบียนเมื่อมีการใช้เครื่องหมายการค้านั้นในตลาดก่อน
เมื่อโจทก์ยังหาได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าแล้วโจทก์จะนำคดีมาสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้
โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าตราม้าบินสำหรับสินค้าดินสอดำสั่งเข้ามาจำหน่ายแพร่หลายแล้วในประเทศไทยและเครื่องหมายตราม้าบินใช้สำหรับดินสอของจำเลย ก็มีบุคคลอื่นสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายแพร่หลายมานานแล้ว จำเลยจึงสั่งเข้ามาบ้าง และจำเลยก็ได้จำหน่ายสินค้าดินสอนี้มานานแล้วเหมือนกัน ดังนี้ จะถือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิที่จะจดทะเบียนการค้าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตราม้าบินนี้ แต่ผู้เดียวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารจ่ายเช็คที่ถูกแก้ไข ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิดเกินจำนวนเดิม
ผู้มีเงินฝากในธนาคารได้สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินในบัญชีของตนโดยออกเช็ค กรอกจำนวนเงินลงไปจำนวนหนึ่งภายหลังปรากฏว่าเช็คฉบับนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนเงินที่สั่งจ่ายให้มากขึ้นโดยผู้สั่งจ่ายไม่ทราบและธนาคารได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นแล้วดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็คนั้นอย่างไรแล้วธนาคารจะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ปลอมแปลงนั้นหาได้ไม่ จะเรียกได้แต่เฉพาะจำนวนเงินเดิมแห่งเช็คนั้นเท่านั้นเพราะอาจอนุโลมถือได้ว่าสิทธิของธนาคารต่อผู้เคยค้าที่สั่งจ่ายเป็นเสมือนผู้ทรง ต่อผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้น
of 260