พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสืบพยานทำลายล้างเอกสาร: การต่อสู้ว่าสัญญาเกิดจากการฉ้อโกง
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า ไม่ได้กู้และกล่าวต่อไปว่าถ้ามีสัญญากู้จริง โจทก์ก็ทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงจำเลย โดยโจทก์เอาสัญญาให้จำเลยเซ็น และไปกรอกข้อความเอาโดยลำพังดังนี้จำเลยย่อมมีอำนาจสืบพยานตามที่ต่อสู้ได้ เพราะเป็นการสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสืบพยานเพื่อทำลายล้างเอกสารสัญญาที่จำเลยอ้างว่าถูกฉ้อโกง
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า ไม่ได้กู้ และกล่าวต่อไปว่า ถ้ามีสัญญากู้จริง โจทก์ทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงจำเลย โดย
โจทก์เอาสัญญาให้จำเลยเซ็น และไปกรอกข้อความเอาโดยลำพัง ดังนี้จำเลยย่อมมีอำนาจสืบพยานตามที่ต่อสู้ได้
เพราะเป็นการสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉะบับ.
โจทก์เอาสัญญาให้จำเลยเซ็น และไปกรอกข้อความเอาโดยลำพัง ดังนี้จำเลยย่อมมีอำนาจสืบพยานตามที่ต่อสู้ได้
เพราะเป็นการสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉะบับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันจากประวัติอาชญากรรมเดิม แม้พ้นโทษมานาน และโทษกักกันไม่เข้าข่ายคดีอัตราโทษสูง
การที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งนั้นตามพ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479หาได้บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็นหลักสำคัญส่วนความผิดในครั้งก่อนๆเพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะพ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้วก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปีก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจึงไม่เข้าอยู่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปีก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจึงไม่เข้าอยู่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้ต้องโทษจำคุกซ้ำ แม้พ้นโทษมานาน และการพิจารณาโทษกักกันตาม พ.ร.บ.กักกันฯ
การที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งนั้น ตาม พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 หาได้
บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็น
หลักสำคัญ ส่วนความผิดในครั้งก่อน ๆ เพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะ
พ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้.
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปี ก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป, จึงไม่เข้าอยู่ตาม ป.ม.วิ.อาญา
มาตาา 176.
บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็น
หลักสำคัญ ส่วนความผิดในครั้งก่อน ๆ เพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะ
พ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้.
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปี ก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป, จึงไม่เข้าอยู่ตาม ป.ม.วิ.อาญา
มาตาา 176.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ vs. พยายามชิงทรัพย์ และการลงโทษกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
ฟ้องว่าพยายามชิงทรัพย์ ศาลลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ได้
พยายามลักทรัพย์ ก็เป็นการลงมือกระทำการลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้ายจึงลงโทษกักกันได้
พยายามลักทรัพย์ ก็เป็นการลงมือกระทำการลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้ายจึงลงโทษกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันทรัพย์เกินสมควร: การใช้ปืนยิงผู้บุกรุกทำลายทรัพย์สิน
จำเลยใช้ปืนยิงคนร้ายที่กำลังฟันถากเปลือกต้นยาพาราในสวนของจำเลยในเวลากลางคืน กระสุนปืนถูกคนร้ายตายไป 1 คน นั้นเป็นการกระทำป้องกันทรัพย์ แต่เกินสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันทรัพย์เกินสมควร: การใช้ปืนยิงผู้บุกรุกทำลายทรัพย์สิน
จำเลยใช้ปืนยิงคนร้ายที่กำลังฟันถากเปลือกต้นยางพาราในสวนของจำเลยในเวลากลางคืนกระสุนปืนถูกคนร้ายตายไป1 คนนั้นเป็นการกระทำป้องกันทรัพย์ แต่เกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินให้บุตรแล้วถูกเนรคุณ สิทธิเรียกร้องทรัพย์สินคืนตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 531
บุตรว่า มารดาเป็นคนไม่มีศีลธรรมยกที่ดินให้แล้วกลับไม่ให้ ซ้ำยังขับไล่ไม่ให้มารดาอยู่ร่วมบ้านไม่ปรากฎว่า
มารดามีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่ มารดาต้องไปอาศัยบุตรคนอื่นซึ่งยากจนกว่าบุตรคนแรก ส่วนบุตรคนแรกนั้น
ยังสามารถอุปการะให้สิ่งของแก่มารดาได้ แต่ก็ปฏิเสธเสีย ไม่ยอมให้อุปการะแก่มารดา ดังนี้ คดีต้องด้วย ป.ม.แพ่งฯ
มาตรา 531 มารดามีสิทธเรียกทรัพย์ที่ให้คืนได้.
มารดามีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่ มารดาต้องไปอาศัยบุตรคนอื่นซึ่งยากจนกว่าบุตรคนแรก ส่วนบุตรคนแรกนั้น
ยังสามารถอุปการะให้สิ่งของแก่มารดาได้ แต่ก็ปฏิเสธเสีย ไม่ยอมให้อุปการะแก่มารดา ดังนี้ คดีต้องด้วย ป.ม.แพ่งฯ
มาตรา 531 มารดามีสิทธเรียกทรัพย์ที่ให้คืนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากบุตรเนรคุณ ไม่อุปการะมารดา
บุตรว่า มารดาเป็นคนไม่มีศีลธรรมยกที่ดินให้แล้วกลับไม่ให้ซ้ำยังขับไล่ไม่ให้มารดาอยู่ร่วมบ้าน ไม่ปรากฏว่ามารดามีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่มารดาต้องไปอาศัยบุตรคนอื่นซึ่งยากจนกว่าบุตรคนแรกส่วนบุตรคนแรกนั้นยังสามารถอุปการะให้สิ่งของแก่มารดาได้ แต่ก็ปฏิเสธเสีย ไม่ยอมให้อุปการะแก่มารดาดังนี้คดีต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 มารดามีสิทธิเรียกทรัพย์ที่ให้คืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังพยานหลักฐานเพื่อความยุติธรรม แม้มีเหตุผลด้านการดำเนินการที่ล่าช้า
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วันฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่างๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของตนต่อไปนั้นถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการเพียงเท่านี้จะปรับลงโทษถึงกับไม่ยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานที่เดียว เป็นการรุนแรงไปเมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบก็พอถือได้ว่ากรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้นและแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้วศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการเพียงเท่านี้จะปรับลงโทษถึงกับไม่ยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานที่เดียว เป็นการรุนแรงไปเมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบก็พอถือได้ว่ากรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้นและแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้วศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ