คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763-766/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การ ‘ตั้งบ้านเรือน’ ตามกฎหมายเทศบาล พิจารณาจาก ‘ที่อยู่เป็นปกติ’ ในเขตเทศบาล แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน
คำว่า ตั้งบ้านเรือนตามความหมายของ พ.ร.บ.เทศบาล 2486 หรือ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2492 นั้น ต้องตีความว่า มีความหมายตลอดไปถึงบุคคลที่อยู่ในเคหะสถานบ้านเรือนของผู้อื่นด้วย จะหมายเฉพาะแต่ผู้เป็นเจ้าของบ้านของตนเองเท่านั้นหาได้ไม่ ฉะนั้นการตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลตามกฎหมายเกี่ยวกับเทศบาล จึงมีความหมายเกียวกับการเทศบาล จึงมีความหมายถึงการที่บุคคลมีที่อยู่เป็นปรกติในเคหะสถานใด ๆ ในเขตเทศบาลนั่นเอง ซึ่งย่อมตรงกับคำว่าเจ้าบ้านและผู้อยู่ในบ้าน ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎรในเขตเทศบาล พ.ศ.2479
การที่มีชื่อผู้ใดเป็นผู้อยู่ในบ้านตามทะเบียนราษฎรในเขตเทศบาลนั้น ย่อมเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้นั้นได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ฉะนั้นเพียงแต่ได้ความว่า ผู้นั้นไปได้ภรรยาที่ตำบลอื่นหรือไปมีบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลอื่นโดยมิได้ความว่าผู้นั้นได้ละทิ้งที่อยู่เดิมในเขตเทศบาลตามที่ปรากฎในทะเบียนราษฎรเป็นที่อยู่ต่อไปแล้ว ก็จะฟังเป็นข้อพิศูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วไม่ได้ จึงต้องฟังว่าผู้นั้นยังมีที่อยู่ในเขตเทศบาลอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังการขายทอดตลาด: สิทธิในการไถ่คืนทรัพย์เมื่อยังไม่มีนิติกรรม
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงานจำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำระหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้วแต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฝ่าฝืนประกาศควบคุมราคาน้ำมัน แม้ขายไม่ถึงปริมาณที่กำหนดก็มีผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศของคณะกรรมการฯกำหนดไม่ให้ขายน้ำมันเบ็นซินเกินกว่าถังละ 32 บาท(ถังหนึ่งมี 20 ลิตร) แม้จำเลยขายน้ำมันเบ็นซินไม่ถึง 20 ลิตรก็ตาม แต่จำเลยขายไปเป็นปีบมีจำนวนน้ำมัน 19 ลิตร และขายไปในราคา 34 บาท ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯลฯ จึงต้องมีความผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 มาตรา 17.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฝ่าฝืนประกาศควบคุมราคาน้ำมัน แม้ขายไม่ถึงปริมาณที่กำหนด
ประกาศของคณะกรรมการฯ กำหนดไม่ให้ขายน้ำมันเบ็นซินเกินกว่าถังละ 32 บาท(ถังหนึ่งมี 20 ลิตร) แม้จำเลยขายน้ำมันเบ็นซินไม่ถึง 20 ลิตรก็ตาม แต่จำเลยขายไปเป็นปีบมีจำนวนน้ำมัน 19 ลิตรและขายไปในราคา 34 บาทดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯลฯ จึงต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 มาตรา 17

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญาเช่าที่ยังมิได้ปิดอากรแสตมป์แต่แรก สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้หากมีการปิดอากรแสตมป์และชำระค่าอากรเพิ่มเติม
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานมิได้ปิดอากรแสมป์มาแต่แรก เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว แต่ก่อนศาลพิพากษาจำเลยขอให้ศาลส่งไปให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดอากรแสตมป์และเรียกอากรเพิ่มแล้ว ดังนี้ ย่อมถือเป็นเอกสารที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามประมวลรัษฎากรมาตรา 117 จึงยอมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์แต่แรก หากปิดภายหลังก่อนศาลพิพากษา ย่อมรับฟังเป็นพยานได้
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่แรก เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว แต่ก่อนศาลพิพากษาจำเลยขอให้ศาลส่งไปให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดอากรแสตมป์และเรียกอากรเพิ่มแล้วดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นเอกสารที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามประมวลรัษฎากร มาตรา 117 จึงย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาการวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์และการนับวันตามกฎหมาย
ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2493 ว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถา ให้ยกคำร้อง ถ้าประสงค์จะอุทธรณ์ ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางภายใน 3 วันนับแต่วันนี้ ดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธินำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2493 ได้ เพราะ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 158 มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลา รวมคำนวณเข้าด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม – การคำนวณระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2493 ว่า จำเลยไม่ใช่คนอนาถาให้ยกคำร้องถ้าประสงค์จะอุทธรณ์ ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางภายใน 3 วันนับแต่วันนี้ ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2493 ได้เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสจากมรดกและการแบ่งสินสมรสเมื่อสามีเสียชีวิต
ภริยาได้รับทรัพย์มรดกจากบิดามารดาของตนมาในระหว่างที่อยู่กินเป็นสามีภริยากับสามี ย่อมถือว่าทรัพย์มรดกที่ได้มานั้น เป็นสินสมรสระหว่างตนกับสามี เมื่อเอาทรัพย์นั้นไปขายได้เงินมา แล้วซื้อที่ดินและบ้านเรือน ก็ย่อมถือว่าที่ดินและบ้านเรือนนั้นเป็นสินสมรสอยุ่นั่นเอง
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภริยาเมื่อก่อนใช้ป.ม.แพ่งฯบรรพ 5 นั้น ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่มีสินเดิมด้วยกัน ก็ให้แบ่งสินสมรสเป็น 3 ส่วน ให้ชายได้ 2 ส่วน หญิงได้ 1 ส่วน
และในกรณีที่ชายถึงแก่กรรมส่วนของชายย่อมตกเป็นมรดกตกได้แก่บุตรและภรรยาคนละส่วนเท่า ๆกัน ถ้ามีภรรยา 2 คน ก็คงได้รับส่วนแบ่งร่วมกันเพียงส่วนเดียว และในส่วนเดียวนี้ ยังแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ภริยาหลวงได้ 2 ส่วน ภริยาน้อยได้1 ส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสจากทรัพย์มรดกและหลักการแบ่งสินสมรสเมื่อไม่มีสินเดิม
ภริยาได้รับทรัพย์มรดกจากบิดามารดาของตนมาในระหว่างที่อยู่กินเป็นสามีภริยากับสามี ย่อมถือว่าทรัพย์มรดกที่ได้มานั้น เป็นสินสมรสระหว่างตนกับสามี เมื่อเอาทรัพย์นั้นไปขายได้เงินมา แล้วซื้อที่ดินและบ้านเรือนก็ย่อมถือว่าที่ดินและบ้านเรือนนั้นเป็นสินสมรสอยู่นั่นเอง
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภริยาเมื่อก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 นั้น ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่มีสินเดิมด้วยกัน ก็ให้แบ่งสินสมรสเป็น 3 ส่วนให้ชายได้ 2 ส่วน หญิงได้ 1 ส่วน
และในกรณีที่ชายถึงแก่กรรมส่วนของชายย่อมตกเป็นมรดกตกได้แก่บุตรและภรรยาคนละส่วนเท่าๆกัน ถ้ามีภรรยา 2คน ก็คงได้รับส่วนแบ่งร่วมกันเพียงส่วนเดียวและในส่วนเดียวนี้ ยังแบ่งออกเป็น 3 ส่วนภริยาหลวงได้ 2ส่วน ภริยาน้อยได้ 1 ส่วน
of 260