พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมวันเวลาทำผิดในฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การขอเพิ่มเติมฟ้องอ้างเหตุความพลั้งเผลอถือว่ามีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคแรก
การขอเพิ่มเติมวัน เวลาทำผิดในฟ้องเดิมเป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา164 การขอเพิ่มเติมรายละเอียดที่มิได้กล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ว่าทำในระยะใดในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อนั้น ก็ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์
การขอเพิ่มเติมวัน เวลาทำผิดในฟ้องเดิมเป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา164 การขอเพิ่มเติมรายละเอียดที่มิได้กล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ว่าทำในระยะใดในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อนั้น ก็ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่? และเจตนาทุจริตในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกินอัตรา
ฟ้องว่า จำเลย 4 คน สมคบกันกระทำผิด ไม่จำต้องแยกกล่าวว่าจำเลยคนไหน กระทำอย่างไร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงเพื่อประทับโทษฐานพยายามฆ่า แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าปืนลั่น
ยิงในระหว่างวิวาท 2 นัด นัดหนึ่งถูกคู่วิวาทที่น่องทะลุ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยเจตนา
คู่วิวาทฝ่ายหนึ่งใช้หอกแทงฝ่ายหนึ่งใช้ปืนตี ปืนลั่น 2 นัดถูกอีกฝ่ายหนึ่งที่น่องทะลุ แม้จะฟังไม่ได้ว่าได้ยิงโดยอาการอย่างใดก็ยังฟังได้ว่าฝ่ายที่ถือปืนอยู่ในมือตั้งใจยิง ไม่ใช่ลั่นไปเอง
คู่วิวาทฝ่ายหนึ่งใช้หอกแทงฝ่ายหนึ่งใช้ปืนตี ปืนลั่น 2 นัดถูกอีกฝ่ายหนึ่งที่น่องทะลุ แม้จะฟังไม่ได้ว่าได้ยิงโดยอาการอย่างใดก็ยังฟังได้ว่าฝ่ายที่ถือปืนอยู่ในมือตั้งใจยิง ไม่ใช่ลั่นไปเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องคดีกู้ยืมเงิน
ฟ้องให้ชำระเงินกู้ จำเลยให้การว่าไม่เคยเซ็นสัญญากู้ให้โจทก์ ไม่เคยกรอกหรือยินยอมให้กรอกข้อความในสัญญาที่ฟ้องลายเซ็นในสัญญาไม่ใช่ของจำเลยเป็นคำให้การปฏิเสธทั้งความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสารและว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์เมื่อคดีได้ความว่าลายมือชื่อเป็นของจำเลยแต่จำเลยมิได้เขียนข้อความเป็นสัญญากู้ จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานหลอกลวงขายน้ำมนต์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย'และว่า'จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้'
และว่า' จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้' เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม
และว่า' จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้' เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานหลอกลวงประชาชนด้วยการอ้างวิทยาคมและขายน้ำมนต์ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้" เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม.
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้" เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดก: การอ้างเหตุภายนอกที่มิได้ยกขึ้นในฟ้องเป็นเหตุให้คดีขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องคดีมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกโดยโจทก์มิได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้น
คดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้
คดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: การแจ้งล่วงหน้าก่อนหรือหลังครบกำหนดสัญญา
สัญญาเช่าที่มีข้อความว่า "เมื่อสัญญานี้ได้มีอายุอยู่จนครบกำหนด....ต่อแต่นั้นไปฝ่ายใดจะเลิกสัญญาต้องบอกกล่าวล่วงหน้า..1 เดือนนั้น การบอกเลิกสัญญานี้จะบอกล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดอายุสัญญาก็ได้ ไม่จำต้องบอกเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปศุสัตว์หลงหายและการแจ้งความเท็จ กรณีลักทรัพย์ปศุสัตว์
โคของผู้เสียหายติดเข้าไปอยู่ในฝูงโคของจำเลย แยกไม่ออก ผู้เสียหายจึงสั่งจำเลยขอให้ดูไว้ด้วย
การพูดเช่นนี้จะถือว่าเป็นการรับมอบหมาย อันจะกลายเป็นผิดฐานยักยอกยังไม่ได้
ที่สุดเมื่อจำเลยกับพวกพาเอาโคของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักปศุสัตว์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294
แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ใช้อยู่บัดนี้ ไม่มีบัญญัติถึงการลักปศุสัตว์และสัตว์พาหนะโดยเฉพาะเช่นในมาตรา 294(กฎหมายอาญา)จึงต้องใช้มาตรา 293(กฎหมายอาญา) ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าเป็นบทลงโทษจำเลย
การพูดเช่นนี้จะถือว่าเป็นการรับมอบหมาย อันจะกลายเป็นผิดฐานยักยอกยังไม่ได้
ที่สุดเมื่อจำเลยกับพวกพาเอาโคของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักปศุสัตว์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294
แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ใช้อยู่บัดนี้ ไม่มีบัญญัติถึงการลักปศุสัตว์และสัตว์พาหนะโดยเฉพาะเช่นในมาตรา 294(กฎหมายอาญา)จึงต้องใช้มาตรา 293(กฎหมายอาญา) ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าเป็นบทลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักปศุสัตว์: การดูโคให้แทนการมอบหมาย ไม่เป็นความยักยอก ใช้บทลงโทษตามมาตรา 293
โคของผู้เสียหายติดเข้าไปอยู่ในฝูงโคของจำเลย แยกไม่ออก ผู้เสียหายจึงสั่งจำเลยขอให้ดูไว้ด้วย
การพูดเช่นนี้จะถือว่าเป็นการรับมอบหมาย อันจะกลายเป็นผิดฐานยักยอกยังไม่ได้
ที่สุดเมื่อจำเลยกับพวกพาเอาโคของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักปศุสัตว์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294
แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ใช้อยู่บัดนี้ ไม่มีบัญญัติถึงการลักปศุสัตว์และสัตว์พาหนะโดยเฉพาะเช่นในมาตรา 294 (ก.ม.อาญา) จึงต้องใช้มาตรา 293 (ก.ม.อาญา) ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าเป็นบทลงโทษจำเลย.
การพูดเช่นนี้จะถือว่าเป็นการรับมอบหมาย อันจะกลายเป็นผิดฐานยักยอกยังไม่ได้
ที่สุดเมื่อจำเลยกับพวกพาเอาโคของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักปศุสัตว์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294
แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ใช้อยู่บัดนี้ ไม่มีบัญญัติถึงการลักปศุสัตว์และสัตว์พาหนะโดยเฉพาะเช่นในมาตรา 294 (ก.ม.อาญา) จึงต้องใช้มาตรา 293 (ก.ม.อาญา) ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าเป็นบทลงโทษจำเลย.