คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันลักทรัพย์ การกระทำความผิดเพิ่มเติมและการพิสูจน์ความร่วมมือ
สมคบกันมาลักทรัพย์ คนหนึ่งล้วงกระเป๋าลักทรัพย์ได้แล้วส่งให้อีกคนหนึ่งพาหนีไปคนแรกควักมีดออกแทงเจ้าทรัพย์เป็นเวลาภายหลังที่คนแรกพาทรัพย์หนีไปแล้ว ยังไม่พอฟังว่าคนหลังสมคบด้วย ในการที่คนแรกใช้มีดแทงคนหลังมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวผิดกฎหมาย: การรับทราบประกาศคณะกรรมการฯ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิสูจน์ความผิด
โจทย์ฟ้องหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว โดยไม่ได้รับอนุญาต และได้บรรยายในฟ้องว่า จำเลยได้ทราบประกาศคณะกรรมการฯ แล้ว จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องทราบประกาศคณะกรรมการหรือไม่ คงปฏิเสธว่ามิได้นำข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว ดังนี้ เมื่อชั้นพิจารณาโจทก์ มีพยานผู้สอบสวนมาเบิกความประกอบคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนว่า จำเลยรับว่าได้ทราบประกาศแล้ว ดังปรากฎในคำให้การชั้นสอบสวน จึงพอถือได้ว่า โจทก์ได้สืบถึงความที่ว่า จำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวผิดกฎหมาย: การรับรู้ประกาศห้ามขนย้ายเป็นองค์ประกอบสำคัญ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้บรรยายในฟ้องว่า จำเลยได้ทราบประกาศคณะกรรมการฯ แล้วจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องทราบประกาศคณะกรรมการหรือไม่ คงปฏิเสธว่ามิได้นำข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวดังนี้ เมื่อชั้นพิจารณาโจทก์มีพยานผู้สอบสวนมาเบิกความประกอบคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนว่าจำเลยรับว่าได้ทราบประกาศแล้ว ดังปรากฏในคำให้การชั้นสอบสวน จึงพอถือได้ว่า โจทก์ได้สืบถึงความที่ว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมระงับข้อพิพาทมีผลผูกพันตามเจตนาของคู่สัญญา การแบ่งทรัพย์สินตามพินัยกรรมและสินสมรส
บุตรภริยาเจ้ามรดกทำสัญญาประนีประนอมให้แบ่งทรัพย์ไปตามพินัยกรรม (พินัยกรรมจะเป็นโมฆะหรือไม่ก็ดี) ส่วนทรัพย์นอกพินัยกรรมให้เป็นของภริยาเจ้ามรดกฝ่ายเดียวสัญญานี้บังคับได้ทุกข้อตลอดจนข้อที่ตกลงกันถึงทรัพย์นอกพินัยกรรมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-57/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าห้องร่วมกัน สิทธิในการอยู่อาศัย และการฟ้องขับไล่ระหว่างผู้เช่าร่วม
โจทก์จำเลยต่างเช่าห้อง โดยโจทก์อยู่ชั้นบน จำเลยอยู่ชั้นล่างช่วยกันออกค่าเช่าให้เจ้าของห้องด้วยกันโจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้แม้ฝ่ายใดจะทำสัญญาเช่าห้องทั้งห้องกับเจ้าของแต่ฝ่ายเดียวก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือนที่มีผู้เช่าอยู่ และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้น แต่ปรากฎว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการแสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือนที่มีผู้เช่าเดิมอยู่แล้ว โดยมีเจตนาให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้นแต่ปรากฏว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ชำระบัญชีในการบังคับชำระหนี้หรือส่งมอบทรัพย์สิน: ผู้ชำระบัญชีต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ไม่สามารถบังคับได้ในคดีเดิม
ในกรณีที่ฟ้องร้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญขีนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้เลิกและตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว เมื่อปรากฎแก่ผู้ชำระบัญชี ผู้ใดเป็นลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินเกี่ยวข้องแก่ห้างหุ้นส่วนที่ชำระบัญชี และผู้นั้นไม่ยอมชำระหรือนำส่งแล้ว ก็ย่อมต้องฟ้องร้องต่อศาลเป็นเรื่อง ๆ ไป จะขอให้ศาลบังคับให้เขาส่งหรือชำระในคดีเดิมที่ขอเลิกหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ เพราะมิได้มีกฎหมายให้อำนาจไว้ดังในเรื่องล้มละลาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ชำระบัญชีและการบังคับชำระหนี้: ผู้ชำระบัญชีต้องฟ้องร้องเป็นเรื่องๆ ไป ไม่สามารถบังคับได้โดยตรง
ในกรณีที่ฟ้องร้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชีนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้เลิกและตั้งผู้ชำระบัญชีแล้วเมื่อปรากฏแก่ผู้ชำระบัญชีว่า ผู้ใดเป็นลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินเกี่ยวข้องแก่ห้างหุ้นส่วนที่ชำระบัญชี และผู้นั้นไม่ยอมชำระหรือนำส่งแล้ว ก็ย่อมต้องฟ้องร้องต่อศาลเป็นเรื่องๆ ไปจะขอให้ศาลบังคับให้เขาส่งหรือชำระในคดีเดิมที่ขอเลิกหุ้นส่วนนั้นไม่ได้เพราะมิได้มีกฎหมายให้อำนาจไว้ดังในเรื่องล้มละลาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคุ้มครองผู้เช่าเคหะฯ แม้มีคำสั่งรื้อ – ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
ผู้เช่าเคหะอยู่อาศัยนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แม้ทางการเทศบาลจะได้มีคำสั่งให้รื้อห้องเช่านั้นก็ดีก็หาทำให้ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ไม่ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เป็นปกติ
of 260