พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานรวม ไม่ยึดเพียงวันที่เบิกความไม่ตรงตามฟ้อง
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณา จากคำพยานหลักฐาน ทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์ คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทาง พิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่.
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ในการไถ่ถอนที่ดินขายฝาก กรณีลูกหนี้เพิกเฉย
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และปรากฏว่าลูกหนี้มีที่ดินอยู่ 1 แปลง ขายฝากแก่เขาไว้ยังไม่ท่วมราคาที่ดินแต่ลูกหนี้ไม่ยอมไถ่ถอน ดังนี้เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ฟ้องขอไถ่ถอนที่ดินนั้นได้ และในการฟ้องคดีดังกล่าวแม้เจ้าหนี้จะเป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้และผู้รับซื้อฝากที่ดินไว้เป็นจำเลยด้วยกัน ก็ถือได้ว่าเป็นการขอหมายเรียกลูกหนี้เข้ามาในคดีด้วยแล้ว ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 234 หาจำต้องหมายเรียกลูกหนี้มาในคดีในฐานะเป็นโจทก์เสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้และการไถ่ถอนการขายฝาก: การฟ้องแทนลูกหนี้โดยไม่ต้องหมายเรียกในฐานะโจทก์
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และปรากฎว่าลูกหนี้มีที่ดินอยู่ 1 แปลง ขายฝากแก่เขาไว้ ยัง ไม่ท่วมราคาที่ดินแต่ลูกหนี้ไม่ยอมไถ่ถอน ดังนี้เจ้าหน้าย่อมมีสิทธิใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ ฟ้องขอ ไถ่ถอนที่ดินนั้นได้ และในการฟ้องคดีดังกล่าวแม้เจ้าหนี้จะเป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้และผู้รับซื้อฝากที่ดินไว้เป็นจำเลย ด้วยกัน ก็ถือได้ว่าเป็นการขอหมายเรียกลูกหนี้เข้ามาในคดีด้วยแล้ว ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 234 หาจำต้อง หมายเรียกลูกหนี้มาในคดีในฐานะเป็นโจทก์เสมอไปไม่./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าเคหะ แม้เจ้าของที่ดินโอนขายห้องเช่าและที่ดินไปแล้ว ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อ คงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอน ห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับ ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้เจ้าของที่ดินชนะคดีรื้อถอน แต่ผู้เช่าห้องแถวได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่นไป ผู้รับซื้อคงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอนห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมสิ้นสุดเมื่อเจ้าของที่ดินรวมเป็นคนเดียวกัน แม้เคยมีมาก่อน ย่อมไม่เกิดภาระจำยอมโดยอายุความ
ที่ดิน 2 แปลง เมื่อตกได้แก่เจ้าของเดียวกันแล้วแม้หากจะเคยมีภาระจำยอมมาก่อน ภาระจำยอมนั้นก็ย่อมหมดไป และแม้เจ้าของจะใช้ทางผ่านในที่ดินนั้น ก็เป็นเรื่องใช้อำนาจกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่ภาระจำยอม ฉะนั้นเมื่อขายที่ดินแปลงหนึ่งให้บุคคลอื่นไปยังไม่ถึง 10 ปีจึงยังไม่มีทางก่อเกิดภาระจำยอมโดยทางอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1401 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการสืบหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลย และการนำสืบพยานนอกประเด็นที่ไม่เป็นเหตุให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้อื่น ดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิ์สืบได้ว่าเจ้าของได้ทรัพย์พิพาทมาอย่างไรไม่เป็นการนอกประเด็น และมีสิทธิสืบว่าผู้อื่นที่จำเลยอ้างนั้นได้อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย เพราะเป็นการสืบหักล้างคำให้การต่อสู้ของจำเลย
ในกรณีที่จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนว่าเป็นการมิชอบนั้น เมื่อปรากฏว่าได้สืบพยานเสร็จสิ้นไปทั้งสองฝ่ายแล้ว และในฎีกาของจำเลยก็หาได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่แต่ประการใดไม่ และแม้การที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนจะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้คำวินิจฉัยคำพยานของศาลในคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนี้ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ก็ย่อมฟังไม่ขึ้น
ในกรณีที่จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนว่าเป็นการมิชอบนั้น เมื่อปรากฏว่าได้สืบพยานเสร็จสิ้นไปทั้งสองฝ่ายแล้ว และในฎีกาของจำเลยก็หาได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่แต่ประการใดไม่ และแม้การที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนจะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้คำวินิจฉัยคำพยานของศาลในคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนี้ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ก็ย่อมฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อหักล้างข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การนำสืบถึงที่มาของทรัพย์สินไม่เป็นการนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้อื่น ดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิสืบได้ว่าเจ้าของ ได้ทรัพย์พิพาทมาอย่างไรไม่เป็นการนอกประเด็นและมีสิทธิสทบว่าผู้อื่นที่จำเลยอ้างนั้นได้อยู่ในที่พิพาทโดยทาง อาศัย เพราะเป็นการสืบหักล้างคำให้การต่อสู้ของจำเลย
ในกรณีที่จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนว่าเป็นการมิชอบนั้น เมื่อปรากฎว่าได้สืบ พยานเสร็จสิ้นไปทั้งสองฝ่ายแล้ว และในฎีกาของจำเลยก็หาได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่แต่ ประการใดไม่ และแม้การที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนจะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตามก็ไม่ทำให้คำวินิจฉัยคำ พยานของศาลในคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนี้ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ก็ย่อมฟังไม่ขึ้น./
ในกรณีที่จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนว่าเป็นการมิชอบนั้น เมื่อปรากฎว่าได้สืบ พยานเสร็จสิ้นไปทั้งสองฝ่ายแล้ว และในฎีกาของจำเลยก็หาได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่แต่ ประการใดไม่ และแม้การที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนจะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตามก็ไม่ทำให้คำวินิจฉัยคำ พยานของศาลในคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนี้ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ก็ย่อมฟังไม่ขึ้น./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984-990/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนที่ดินเวนคืนเมื่อพ้น 5 ปี แม้ยังไม่ได้ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ
การตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดค่าทำขวัญตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็เพื่อให้ระงับข้อพิพาท เมื่อไม่ได้มีการตกลงหรือชี้ขาดระงับข้อพิพาทแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 5 ปีตามความในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯเมื่อพ้น 5 ปีแล้วถ้ามิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนย่อมมีสิทธิขอที่ดินนั้นคืน ตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 ได้ ไม่จำต้องรอให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984-990/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนที่ดินเวนคืนเมื่อพ้น 5 ปี หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการและไม่มีคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
การตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดค่าทำขวัญตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็เพื่อให้ระงับข้อพิพาท เมื่อไม่ได้มีการตกลงหรือชี้ขาดระงับข้อพิพาทแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 5 ปีตามความ ใน พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เมื่อพ้น 5 ปี แล้วถ้ามิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ เจ้าของทีดินที่ถูกเวนคืนย่อมมี สิทธิที่ดินนั้นคืน ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477 ได้ ไม่จำต้องรอให้อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาดต่อไป./