พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,117 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของอัยยการในการร้องขอค่าสินบนนำจับการพะนันโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
โดย พ.ร.บ. การพะนัน (ฉะบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 อัยยการมีอำนาจร้องขอให้จ่ายเงินสินบลนำจับการพะนันมาในฟ้องคดีอาญาได้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีแพ่ง./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาสามารถพิจารณาการป้องกันตัวได้
โจทก์ฟ้องฐานฆ่าคนตาย จำเลยต่อสู้ว่ากระทำโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 55 จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่ากระทำเพราะจำเป็นเพื่อป้องกันตัวตามมาตรา 49(2) ได้
ผู้ตายบังอาจขึ้นไปตีจำเลยถึงบนเรือนของจำเลย ตีแล้วยังถือไม้อยู่เมื่อจำเลยถูกทำร้ายและเป็นเวลาปัจจุบันทันด่วนจำเลยจึงหยิบมีดขอฟันผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบังอาจขึ้นไปตีจำเลยถึงบนเรือนของจำเลย ตีแล้วยังถือไม้อยู่เมื่อจำเลยถูกทำร้ายและเป็นเวลาปัจจุบันทันด่วนจำเลยจึงหยิบมีดขอฟันผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันการประทุษร้ายต่อตนเองบนเรือน
โจทก์ฟ้องฐานฆ่าคนตาย จำเลยต่อสู้ว่า กระทำโดยบรรดาลโทษะตามมาตรา 55 จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่า กระทำเพราะจำเป็นเพื่อป้องกันตัวตามมาตรา 49(2) ได้
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมข้าว: กฎหมายเฉพาะไม่ตัดสิทธิการใช้กฎหมายในภาวะฉุกเฉิน
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักข้าว 2489 และพ.ร.บ.การค้าข้าว 2489 หาได้ใช้แทนหรือขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคและของอื่นๆในภาวะคับขัน 2488 ไม่
(อ้างฎีกา197,198/2491ป
(อ้างฎีกา197,198/2491ป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจกฎหมายควบคุมข้าว: กฎหมายพิเศษใช้แทนกฎหมายทั่วไปไม่ได้
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 และ พ.ร.บ.การค้าข้าว2489 หาได้ใช้แทนหรือขัดกับพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขัน 2488 ไม่ (อ้างฎีกา 197,198/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดเจ้าพนักงานละเว้นการจับกุม และการใช้ดุลยพินิจยกโทษจำคุกในคดีพะนัน
ฎีกาว่าศาลฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงตามสำนวนนั้นเป็นข้อกฎหมาย
พลตำรวจไม่จับกุมผู้ลักเล่นการพะนันนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 146 เพราะการไม่จับกุมไม่ถือว่า เป็นการป้องกันและขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
การใช้ดุลยพินิจยกโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40 แก่จำเลยในคดีการพะนันย่อมใช้ได้ ไม่เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.การพะนัน
พลตำรวจไม่จับกุมผู้ลักเล่นการพะนันนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 146 เพราะการไม่จับกุมไม่ถือว่า เป็นการป้องกันและขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
การใช้ดุลยพินิจยกโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40 แก่จำเลยในคดีการพะนันย่อมใช้ได้ ไม่เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.การพะนัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: สัญญาต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่จำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลเพื่อต่อสู้ได้
การฟ้องขอให้แบ่งมฤดกตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือตัวแทนเป็นสำคัญแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แต่ในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกซึ่งมิใช่ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งปันทรัพย์มฤดกเสร็จไปแล้ว ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องระบุปัญหาข้อกฎหมายให้ชัดเจน การโต้แย้งข้อเท็จจริงศาลล่างถือเป็นฎีกาที่ต้องห้าม
ฎีกาในปัญหาข้อกฏหมายนั้นจะต้องอธิบายในคำฟ้องฎีกาให้ชัดแจ้งว่า ข้อที่อ้างเป็นปัญหาข้อกฏหมายนั้นคืออะไรเป็นปัญหาข้อกฏหมายว่าอย่างไร
ข้อฎีกาที่ว่าข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมานั้น ไม่ควรถือว่าจำเลยได้รับมอบหมายห้องจากโจทก์นั้น ถือว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริง.
ข้อฎีกาที่ว่าข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมานั้น ไม่ควรถือว่าจำเลยได้รับมอบหมายห้องจากโจทก์นั้น ถือว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน การเพิกถอนการโอน และค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้ว ต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ต้องยื่นภายใน 1 ปี นับจากวันที่ถูกแย่งการครอบครอง การร้องเรียนต่อหน่วยงานอื่นไม่เป็นการหยุดนับอายุความ
ที่นามือเปล่า มีผู้เข้าแย่งครอบครอง แล้วมาฟ้องขับไล่เกิน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครองครองไม่ได้ การไปร้องต่อตำรวจหรือต่ออำเภอ ไม่ทำให้ฟ้องขับไล่เกินกำหนดที่กล่าวนั้นได้