พบผลลัพธ์ทั้งหมด 143 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7243/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาข้อเท็จจริง: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นสัญญาประกันตัว เนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างได้วินิจฉัยแล้ว
การวินิจฉัยว่าจำเลยผิดสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์หรือไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวเป็นการวินิจยข้อเท็จจริงข้ออ้างของจำเลยในฎีกาที่ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาต่อโจทก์เป็นการเถียงข้อเท็จจริงมิใช่การอ้างข้อกฎหมายฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7243/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยผิดสัญญาประกันตัว: การโต้แย้งข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย
การวินิจฉัยว่าจำเลยผิดสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์หรือไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริง การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้ออ้างของจำเลยในฎีกาที่ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาต่อโจทก์เป็นการเถียงข้อเท็จจริงมิใช่การอ้างข้อกฎหมายฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา
ศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขได้
ศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6114/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามนัดสืบพยานและการอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยวิธี
ผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบแล้วมีคำสั่งว่า ให้ยกคำร้อง การที่ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาที่จะไม่ไปศาลตามกำหนดนัด และในวันนัดสืบพยานผู้ร้องได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายเดินทางจากกรุงเทพมหานครนำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นต่อศาลชั้นต้นแต่ไปถึงศาลหลังเวลานัดประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากการจราจรในกรุงเทพมหานครติดขัดอย่างมาก และเจ้าหน้าที่ศาลไม่ยอมรับคำร้องอ้างว่าศาลได้ดำเนินกระบวน-พิจารณาและยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องเท่ากับเป็นการขอให้ศาลพิจารณาคดีของผู้ร้องใหม่โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบ ซึ่งเป็นกรณีต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 และ ป.วิ.พ. มาตรา207, 208 และ 209 การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5827/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจำนวนเงินไม่ตรงกัน ศาลใช้จำนวนเงินตามตัวอักษร และแก้ไขคำสั่งค่าทนายความ
จำเลยเป็นผู้เขียนจำนวนเงินในเช็คพิพาท แต่เขียนจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรกับตัวเลขไม่ตรงกัน เมื่อศาลไม่อาจหยั่งทราบเจตนาอันแท้จริงได้จึงต้องถือเอาจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรเป็นประมาณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 12
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ โดยที่โจทก์และทนายโจทก์มิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือกระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ โดยที่โจทก์และทนายโจทก์มิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือกระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจได้ แม้ไม่มีคำขอ
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะคดีและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยนั้น คำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่ฝ่ายที่ชนะคดี ไม่ว่าคู่ความฝ่ายนั้นจะมีคำขอหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาล: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดค่าใช้จ่ายได้ แม้ไม่มีคำขอ
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะคดีและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยนั้น คำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่ฝ่ายที่ชนะคดี ไม่ว่าคู่ความฝ่ายนั้นจะมีคำขอหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเช็ค: คำฟ้องไม่เคลือบคลุม, การแก้ไขวันสั่งจ่ายเช็คโดยสุจริต, และค่าฤชาธรรมเนียม
คดีสำนวนแรกมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คจำนวนเงิน 110,000 บาทแก่โจทก์แล้ว และฟ้องโจทก์เกี่ยวกับเช็คฉบับนี้ขาดอายุความเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงรับวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายและฎีกาของจำเลยที่ 2ในสำนวนหลัง โจทก์บรรยายในคำฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ ครบกำหนดสั่งจ่ายแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ฟ้องโจทก์ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติไว้แล้ว ส่วนวันที่โจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยเป็นวันใดและจำเลยมอบเช็คพิพาทชำระหนี้อะไรแก่โจทก์นั้น มิใช่สภาพแห่งข้อหาที่กฎหมายบังคับให้ต้องแสดงไว้ในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์แก้วันสั่งจ่ายเงินในเช็คโดยสุจริตตามความยินยอมที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้แก่โจทก์ วันสั่งจ่ายในเช็คดังกล่าวจึงเป็นวันสั่งจ่ายที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ภายในเวลา 1 ปีนับแต่วันที่เช็คดังกล่าวถึงกำหนดสั่งจ่าย คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นจำเลยในสำนวนหลัง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองสำนวนจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5324/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีผู้ค้ำประกัน: พิจารณาจากลูกหนี้ผิดนัด ไม่ใช่หมดอายุความของลูกหนี้ และการสั่งค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยที่ 1 ยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้คดีไว้ในคำให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันเกินกว่าระยะเวลา 10 ปีไม่ได้ แต่เหตุที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นฎีกาเพื่อให้ตนเองพ้นความรับผิดเป็นเรื่องที่ว่าหนี้ของลูกหนี้ขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมพ้นความรับผิดไปด้วยเป็นคนละเรื่องกับที่ให้การไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเพียงว่าลูกหนี้ผิดนัดแล้วหรือไม่เท่านั้น เมื่อลูกหนี้ผิดนัดแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ แม้ขณะนั้นอายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังสะดุดหยุดอยู่ก็ตาม
แม้ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์รับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ คดีที่ลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย ยังไม่มีการยกเลิกการล้มละลาย และยังไม่ได้มีการเฉลี่ยทรัพย์รายได้เป็นครั้งที่สุด อายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังคงสะดุดหยุดอยู่ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 161 และ มาตรา 167ที่กำหนดให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่ศาลฎีกาแก้ไขได้
การที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเพียงว่าลูกหนี้ผิดนัดแล้วหรือไม่เท่านั้น เมื่อลูกหนี้ผิดนัดแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ แม้ขณะนั้นอายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังสะดุดหยุดอยู่ก็ตาม
แม้ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์รับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ คดีที่ลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย ยังไม่มีการยกเลิกการล้มละลาย และยังไม่ได้มีการเฉลี่ยทรัพย์รายได้เป็นครั้งที่สุด อายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังคงสะดุดหยุดอยู่ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 161 และ มาตรา 167ที่กำหนดให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่ศาลฎีกาแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5324/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีผู้ค้ำประกัน: พิจารณาจากลูกหนี้ผิดนัด แม้คดีล้มละลายยังไม่สิ้นสุด
จำเลยที่ 1 ยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้คดีไว้ในคำให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันเกินกว่าระยะเวลา 10 ปี ไม่ได้ แต่เหตุที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นฎีกาเพื่อให้ตนเองพ้นความรับผิดเป็นเรื่องที่ว่าหนี้ของลูกหนี้ขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมพ้นความรับผิดไปด้วยเป็นคนละเรื่องกับที่ให้การไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย การที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเพียงว่าลูกหนี้ผิดนัดแล้วหรือไม่เท่านั้น เมื่อลูกหนี้ผิดนัดแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ได้แม้ขณะนั้นอายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังสะดุดหยุดอยู่ก็ตาม แม้ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์รับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ คดีที่ลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย ยังไม่มีการยกเลิกการล้มละลาย และยังไม่ได้มีการเฉลี่ยทรัพย์รายได้เป็นครั้งที่สุด อายุความที่จะฟ้องลูกหนี้ยังคงสะดุดหยุดอยู่ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 และมาตรา 167ที่กำหนดให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่ศาลฎีกาแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถือหุ้นและการพักการโอนหุ้น: การฟ้องเพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องอาศัยสถานะผู้ถือหุ้นที่ถูกต้อง
ในวันประชุมวิสามัญครั้งที่ 2/2529 จำเลยยังไม่ได้จดแจ้งการรับโอนหุ้นของโจทก์ทั้งสองลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสาม โดยจำเลยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อจะเรียกประชุมวิสามัย* โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1176 และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมครั้งนี้ การประชุมวิสามัญครั้งที่ 3/2529 เป็นเพียงการลงมติรับรองมติของที่ประชุมวิสามัญครั้งที่ 2/2529 เป็นมติพิเศษ ซึ่งโจทก์ทั้งสองมิได้กล่าวอ้างว่ามีการนัดเรียกหรือประชุมหรือลงมติฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของบริษัทอย่างไร โจทก์ทั้งสองจะอ้างว่าจำเลยทำงบดุลและงบกำไรขาดทุนไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงอันเป็นเรื่องที่ได้พิจารณากันในการประชุมครั้งก่อนมาขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมครั้งนี้ไม่ได้ การประชุมวิสามัญเป็นการประชุมใหญ่ครั้งอื่นนอกจากการประชุมสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1171 ซึ่งการประชุมวิสามัญโดยปกติจะเป็นเรื่องรีบด่วนสำคัญที่ต้องให้ที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย ไม่อาจรอจนกว่าจะมีการประชุมสามัญได้ และผู้ถือหุ้นอาจต้องออกเสียงลงมติ หากไม่มีการพักการโอนหุ้นก็อาจมีปัญหาในการตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าประชุมและผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ที่ประชุมกรรมการจำเลยมีมติให้ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นชอบแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้แทนจำเลยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แม้โจทก์ทั้งสองมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้