คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 167

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 143 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม, สัญญาค้ำประกัน, และค่าทนายความที่ขัดต่อกฎหมาย
จำเลยให้การว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่แสดง โดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็น หลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นเป็นการยกถ้อยคำในกฎหมายมาอ้าง โดยมิได้บรรยายว่าสภาพแห่งข้อหาคำขอคำบังคับหรือข้ออ้างในคำฟ้อง ของโจทก์ข้อใดที่ไม่ชัดแจ้ง และไม่ชัดแจ้งอย่างไร คำให้การจำเลย จึงแสดงเหตุไม่ชัดแจ้ง ไม่มีประเด็นว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ให้ ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ก่อนโจทก์จะนำหลักทรัพย์ไปประกันตัวผู้ต้องหาโดยมิได้ระบุมูลค่าแห่งความรับผิดไว้แน่นอน เพื่อให้โจทก์ประกันผู้ต้องหาในคดีอาญาจากศาล โดยทำสัญญาไว้ว่า ถ้าผู้ต้องหาหลบหนีและนายประกันถูกปรับ จำเลยรับชดใช้ค่าปรับแทน จนครบถ้วน สัญญาค้ำประกันดังกล่าวไม่เป็นการเอารัดเอาเปรียบจำเลย แต่ประการใด เพราะหากโจทก์ไม่นำหลักทรัพย์ไปประกันตัวผู้ต้องหา สัญญาค้ำประกันที่ทำกันไว้ก็ไม่มีผลบังคับ ส่วนจำนวนความรับผิด ก็เป็นไปตามที่ศาลจะตีราคาประกันและสั่งปรับเมื่อผิดสัญญาประกัน ต่อไปสัญญาดังกล่าวจึงใช้บังคับได้หา ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่
สัญญาค้ำประกันดังกล่าวกำหนดว่า 'หากข้าพเจ้าปล่อยให้จำเลยหลบหนีด้วยเหตุใด ๆ ก็ดี ถ้านายประกันถูกปรับหรือถูกริบทรัพย์ ข้าพเจ้าจะเป็นผู้รับชดใช้ค่าปรับแทนนายประกันจนครบถ้วนและจะเป็น ผู้รับไถ่ถอนหลักทรัพย์ที่จำนองประกันคืนแก่นายประกันโดยมิชักช้า' ดังนี้เพียงแต่โจทก์ถูกศาลสั่งปรับจำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าปรับ ไถ่ถอนหลักทรัพย์ที่ประกันคืนแก่โจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับ จำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ ไม่ต้องรอให้มีการขายทรัพย์อันเป็น หลักประกันก่อน
ค่าทนายความเป็นค่าฤชาธรรมเนียมอย่างหนึ่งซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจกำหนดจำนวนตามกฎหมาย และสั่งในคำพิพากษาให้ฝ่ายใดชดใช้แก่ฝ่ายใดหรือให้เป็นพับกันไปก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161,167 และตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนี้การที่สัญญาค้ำประกันกำหนดให้จำเลยต้องชดใช้ค่าทนายความแก่โจทก์ผิดแผกแตกต่างไปจากกฎหมาย อันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงใช้บังคับมิได้ ข้อนี้เป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบรรยายฟ้องคดีแพ่ง: ไม่ต้องละเอียดเท่าคดีอาญา เน้นสภาพแห่งข้อหาและคำขอ
การบรรยายฟ้องในคดีแพ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 กำหนดแต่เพียงว่าฟ้องจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้นหาต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเหมือนกับฟ้องในคดีอาญาไม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง แม้โจทก์ไม่แนบบัญชีกระแสรายวันมาท้ายฟ้องและมิได้บรรยายโดยละเอียดตั้งแต่จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือบัญชีเดินสะพัดว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีกระแสรายวัน และทำใบนำเงินเข้าบัญชีกระแสรายวันในแต่ละเดือนเท่าใดอย่างใด ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะเป็นรายละเอียดที่จะต้องสืบเมื่อมีประเด็นโต้เถียงกัน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องคำให้การสั่งงดชี้สองสถานแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมดังนี้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท ตามตาราง1(2)(ข) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิใช่เสียตามทุนทรัพย์ที่พิพาท
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1440/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีแพ่ง: รายละเอียดที่ไม่จำเป็นในฟ้อง ไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม หากมีรายละเอียดที่ต้องสืบภายหลัง
การบรรยายฟ้องในคดีแพ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 กำหนดแต่เพียงว่าฟ้องจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้น หาต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเหมือนกับฟ้องในคดีอาญาไม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง แม้โจทก์ไม่แนบบัญชีกระแสรายวันมาท้ายฟ้อง และมิได้บรรยายโดยละเอียดตั้งแต่จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือบัญชีเดินสะพัดว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีกระแสรายวัน และทำใบนำเงินเข้าบัญชีกระแสรายวันในแต่ละเดือนเท่าใดอย่างใด ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะเป็นรายละเอียดที่จะต้องสืบเมื่อมีประเด็นโต้เถียงกัน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องคำให้การสั่งงดชี้สองสถาน แล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษา ใหม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมดังนี้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท ตามตาราง1(2)(ข) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิใช่เสียตามทุนทรัพย์ที่พิพาท
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 1440/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช่าและการวินิจฉัยนอกประเด็น รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียม
คู่ความท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นเดียวว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทหรือไม่ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาได้โดยไม่จำต้องหยิบยกประเด็นที่ว่าโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาทหรือไม่ขึ้นวินิจฉัย ข้อวินิจฉัยของศาลดังกล่าวไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมาตรา 167 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลสั่งลงไว้ในคำพิพากษาไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่และมาตรา 161ก็บัญญัติให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามคำท้าที่โจทก์ไม่ติดใจเรียกให้จำเลยรับผิดตามคำขอท้ายฟ้องข้ออื่นนั้นคำว่าข้ออื่นมิได้หมายความถึงค่าฤชาธรรมเนียมด้วย ศาลจึงต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณประโยชน์ย่อมมีลักษณะพิเศษกว่าสิทธิครอบครอง แม้จะมีการครอบครองนานปี หรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ที่พิพาทซึ่งผู้ใหญ่บ้านจำเลยปักหลักไม้แก่นคือหนองปลาตองอันได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประเภทที่จับสัตว์น้ำมาแต่โบราณ แม้ปัจจุบันจะตื้นเขินอันเป็นเหตุให้โจทก์เข้าครอบครองทำนามาหลายปี ก็หาทำให้ที่พิพาทซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์สิ้นสภาพไปไม่ แม้โจทก์จะครอบครองมาช้านานเพียงใด หรือได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้แล้ว ก็ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิใดๆ เหนือที่พิพาท
ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้ แม้จำเลยมิได้ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดอุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมหลังจำหน่ายคดี: ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับจากคำสั่งจำหน่ายคดี หากพ้นกำหนดแล้วไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง (โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม) โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีการที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์แล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์แต่อย่างใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจาก
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ศาลมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบค่าฤชาธรรมเนียมได้ แม้ไม่ใช่คำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้องศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลและการถอนฎีกา: สิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่เสียไปเมื่อถอนฎีกาเป็นอันยุติ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี หรือขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่มิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาให้แก่โจทก์ ในชั้นฎีกา แม้โจทก์จะขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็ขอถอนฎีกาเสียแล้ว ปัญหาค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฎีกา: การเสียค่าขึ้นศาลตามลักษณะคำร้อง และผลของการถอนฎีกาต่อการเรียกร้องค่าขึ้นศาลคืน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดี หรือขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงควรเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่มิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาให้แก่โจทก์ในชั้นฎีกา แม้โจทก์จะขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็ขอถอนฎีกาเสียแล้ว ปัญหาค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลคืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินไปนั้นไม่ได้
of 15