คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1713

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 500 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคุณสมบัติผู้จัดการมรดก: ศาลใช้ดุลพินิจจากพฤติการณ์และประโยชน์ของกองมรดก
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านผู้ร้อง และขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดก โดยกล่าวอ้างว่าตนไม่เคยมีความประพฤติเสื่อมเสียซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713 วรรคท้ายนั้น ในการตั้งผู้จัดการมรดกให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาของเจ้ามรดก ดังนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 จึงต้องมีหน้าที่แสดงให้ศาลเห็นว่าตนมีความประพฤติดี เหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดก แม้จะไม่มีการคัดค้านในข้อนี้เป็นการเฉพาะเจาะจง การที่ทายาทโดยธรรมเบิกความในคดีที่ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกว่า เจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกเพียงเท่าที่เบิกความถึงแต่ความจริงเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกมากกว่านั้น ยังไม่พอฟังว่าเป็นการปิดบังทรัพย์มรดก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสิทธิการขอเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อผู้ร้องถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาคดี
คำสั่งศาลฎีกา (895/2534) การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้ร้องถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธิของผู้ร้องจึงระงับไป ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดก แม้ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย และการถอนผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก แต่ต้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของผู้ตาย แม้ผู้ร้องจะไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกแต่เมื่อผู้ร้องยังไม่ได้ถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องก็มีอำนาจกระทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกซึ่งได้แก่การรวบรวมทรัพย์มรดกแล้วดำเนินการแบ่งปันให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกต่อไปถือได้ว่ากระทำแทนทายาทผู้มีสิทธิและในกรณีที่มีผู้จัดการมรดกหลายคน การทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกต้องร่วมกันจัดการและถือเอาเสียงข้างมาก จะจัดการโดยลำพังไม่ได้ หากผู้คัดค้านทั้งสองละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกหรือมีเหตุให้เพิกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้คัดค้านทั้งสองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดก, การจัดการทรัพย์มรดก, และสิทธิในการถอนผู้จัดการมรดก
ผู้ที่จะมาเป็นผู้จัดการมรดกได้นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพียงไม่เป็นบุคคลซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 แล้วก็อาจถูกร้องขอต่อศาลให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกได้ เมื่อผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ผู้ร้องก็มีอำนาจกระทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกซึ่งได้แก่การรวบรวมทรัพย์มรดกแล้วดำเนินการแบ่งปันให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกต่อไป ในกรณีที่มีผู้จัดการมรดกหลายคน การทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกต้องร่วมกันจัดการและถือเอาเสียงข้างมาก จะจัดการโดยลำพังไม่ได้หากผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือมีเหตุให้ถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้คัดค้านทั้งสองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ และหากมีเหตุอันเกิดจากฝ่ายผู้ร้องในทำนองเดียวกันผู้คัดค้านทั้งสองก็มีสิทธิดังกล่าวเช่นเดียวกันกับผู้ร้อง การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานผู้ร้องภายหลังที่ผู้ร้องสืบพยานได้เพียง 2 ปาก ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองจึงยังฟังไม่ได้ว่ามีเหตุต้องถอนฝ่ายใดจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ศาลชั้นต้นจึงไม่ควรด่วนสั่งงดสืบพยานดังกล่าวควรสืบพยานต่อไปให้เสร็จสิ้นกระแสความแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมฉบับหลังมีผลเพิกถอนพินัยกรรมฉบับแรก ผู้ไม่มีส่วนได้เสียไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก
อ. ทำพินัยกรรมไว้ 2 ฉบับ ฉบับแรกตั้งผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก ฉบับหลังตั้งผู้คัดค้านทั้งสองกับผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อพินัยกรรมฉบับหลังสมบูรณ์ย่อมมีผลเป็นการเพิกถอนพินัยกรรมฉบับแรกที่ตั้งผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก ทั้งผู้ร้องที่ 2 มิได้เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของ อ. ผู้ร้องที่ 2 จึงไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6192/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีเดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ร.หาก ส. จะขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกคนใหม่แทนโจทก์ ตามปกติย่อมกระทำได้โดยยื่นคำร้องในคดีเดิม หรืออาจฟ้องโจทก์แยกจากคดีเดิมได้โดยอาศัยเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวเป็นแต่ให้สิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมก่อนการปัน มรดก เสร็จสิ้นลงเท่านั้น หาเป็นการตัดสิทธิมิให้ฟ้องเป็นคดีใหม่อีกต่างหากไม่
คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีใหม่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้ง ส. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. แทนนั้น เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ โจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของ ร. อีกต่อไป
การที่ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกทำตามมติที่ประชุมทายาทโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการจัดการตามอำนาจหน้าที่และมิใช่เป็นการทำนิติกรรมที่ตนมีส่วนได้เสียอันเป็นปรปักษ์ต่อกองมรดก นิติกรรมจึงมีผลสมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6192/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกและการจัดการทรัพย์มรดกตามกฎหมาย
คดีเดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ร.หาก ส. จะขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกคนใหม่แทนโจทก์ ตามปกติย่อมกระทำได้โดยยื่นคำร้องในคดีเดิม หรืออาจฟ้องโจทก์แยกจากคดีเดิมได้โดยอาศัยเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวเป็นแต่ให้สิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมก่อนการปัน มรดก เสร็จสิ้นลงเท่านั้น หาเป็นการตัดสิทธิมิให้ฟ้องเป็นคดีใหม่อีกต่างหากไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีใหม่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้ง ส.เป็นผู้จัดการมรดกของร. แทนนั้น เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ โจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของ ร. อีกต่อไป การที่ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกทำตามมติที่ประชุมทายาทโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการจัดการตามอำนาจหน้าที่และมิใช่เป็นการทำนิติกรรมที่ตนมีส่วนได้เสียอันเป็นปรปักษ์ต่อกองมรดก นิติกรรมจึงมีผลสมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5782/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกและการไม่มีส่วนได้เสียในการจัดการมรดก ทำให้ไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้ง ย. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร.เจ้ามรดกทางพิจารณาได้ความว่าย. ได้ทำหนังสือสละที่ดินมรดกมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ และ ร. ไม่มีทรัพย์มรดกอย่างอื่น ย. ย่อมไม่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินมรดก กรณีไม่มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกหรือแบ่งปันมรดกสำหรับ ย.จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะตั้ง ย. เป็นผู้จัดการมรดก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5782/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกและการไม่มีส่วนได้เสียในการจัดการมรดก กรณีที่ดินแปลงหนึ่งถูกสละโดยทายาท ทำให้ไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออยู่
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้ง ย. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. เจ้ามรดกทางพิจารณาได้ความว่า ย. ได้ทำหนังสือสละที่ดินมรดกมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ และ ร. ไม่มีทรัพย์มรดกอย่างอื่น ย. ย่อมไม่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินมรดก กรณีไม่มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกหรือแบ่งปันมรดกสำหรับ ย.จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะตั้ง ย. เป็นผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมตัดมรดก: บุตรถูกตัดสิทธิจากมรดก จึงไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก
แม้ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตาย แต่เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ อ. แต่ผู้เดียว และห้ามบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกและไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกและผู้คัดค้านไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดก จึงสมควรให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตาย.
of 50