คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1713

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 500 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์สินตัดสิทธิทายาทโดยธรรม การตั้งผู้จัดการมรดกตามเจตนาผู้ตาย
แม้ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตาย แต่เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ อ. แต่ผู้เดียว และห้ามบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกและไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713
เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกและผู้คัดค้านไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้เป็น ผู้จัดการมรดก จึงสมควรให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5750-5751/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: พิจารณาประโยชน์สูงสุดของกองมรดกและทายาท
พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติแห่ง บรรพ 5 แห่ง ป.พ.พ. พ.ศ.2477มาตรา 4 ระบุว่า บทบัญญัติ บรรพ 5 ไม่กระทบกระเทือนถึงการสมรสซึ่งได้มีอยู่ก่อนวันใช้ ป.พ.พ. บรรพ 5 เมื่อปรากฏว่า ถ. บิดาผู้ร้องแต่งงานอยู่กินฉันสามีภริยากับมารดาผู้ร้องก่อนที่ ป.พ.พ. บรรพ 5 ใช้บังคับผู้ร้องจึงมีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ถ. และเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมรดกของ ถ. ส่วนผู้คัดค้านเมื่อจดทะเบียนสมรสกับ ถ. โดยถูกต้องตามกฎหมายมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมรดกของ ถ. เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายย่อมมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ถ. ได้ด้วยกัน
ผู้ร้องฎีกาว่า ทรัพย์มรดกเป็นสินสมรสเพราะเป็นทรัพย์สินที่ ถ.บิดาผู้ร้องกับมารดาผู้ร้องทำมาหาได้ร่วมกัน ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทนั้น เป็นเรื่องนอกประเด็นเพราะประเด็นพิพาทแห่งคดีมีเพียงว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านฝ่ายใดสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของ ถ. ผู้ตายเท่านั้น
การที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าผู้ร้องรับเงินค่าสิทธิการเช่าบ้านมา200,000 บาท แล้วยักยอกไว้ 165,000 บาท าเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์-มรดกโดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่า ตนทำให้เสื่อมประโยชน์ทายาทคนอื่น ผู้ร้องต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกและผู้ร้องมีพฤติการณ์และการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับกองมรดกนั้นผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำร้องคัดค้าน จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่ศาลจะตั้งฝ่ายใดเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ย่อมแล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก ดังนั้น เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่าการจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้จัดการมรดกแต่ฝ่ายเดียว อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่งได้ หากให้จัดการร่วมกันแล้วจะเป็นประโยชน์แก่กองมรดกและทายาททุกคน ก็สมควรตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5735/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเฉพาะตัวในการจัดการมรดก: ทายาทไม่สามารถรับมรดกความในคดีคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก
การขอตั้งผู้จัดการมรดกตลอดจนการคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่กรรมได้เพราะการขอเป็นผู้จัดการมรดกตลอดจนการคัดค้านถือได้ว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของทายาทหรือ ผู้มีส่วนได้เสียแต่ละคน เมื่อผู้คัดค้านถึงแก่กรรมย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีของผู้คัดค้านต่อไปการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต ให้ทายาทของผู้คัดค้านเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้คัดค้านและวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5735/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเฉพาะตัวในการจัดการมรดก: การที่ทายาทเดิมถึงแก่กรรมทำให้การดำเนินคดีแทนไม่มีประโยชน์
การขอตั้งผู้จัดการมรดกตลอดจนการคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่กรรมได้เพราะการขอเป็นผู้จัดการมรดกตลอดจนการคัดค้านถือได้ว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียแต่ละคน เมื่อผู้คัดค้านถึงแก่กรรมย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีของผู้คัดค้านต่อไปการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ทายาทของผู้คัดค้านเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้คัดค้านและวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5172/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก: ทายาท/ผู้มีส่วนได้เสียเท่านั้น
บุคคลผู้มีสิทธิที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 คงมีเพียงทายาทผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการเท่านั้น ตามสำเนาพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองของผู้ตายมีใจความว่า ให้พ.เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยให้ขายบ้านและที่ดินแล้วรวมกับเงินสดซึ่งฝากไว้กับธนาคารใช้ฌาปนกิจศพของผู้ตาย ส่วนที่เหลือให้นำถวายวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย หาได้มีข้อความตอนใดระบุชื่อวัดผู้ร้องเป็นผู้รับพินัยกรรมของผู้ตายไม่การที่ พ. ผู้จัดการมรดกคนเดิมของผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้ว่าจะรวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตายถวายวัดผู้ร้องยังไม่ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่ผู้ร้องที่จะเรียกเอาทรัพย์มรดกรายนี้ได้ตามกฎหมายผู้ร้องจึงไม่ใช้ผู้มีสิทธิที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว การวินิจฉัยถึงสิทธิของผู้ร้องว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายย่อมเป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีแล้วว่าผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ ไม่ใช่กรณีที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่คืนค่าขึ้นศาลให้แก่ผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5172/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก: ผู้มีส่วนได้เสียต้องเป็นทายาทหรือผู้รับพินัยกรรมเท่านั้น
บุคคลผู้มีสิทธิที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 คงมีเพียงทายาทผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการเท่านั้น ตามสำเนาพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองของผู้ตายมีใจความว่า ให้พ.เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยให้ขายบ้านและที่ดินแล้วรวมกับเงินสดซึ่งฝากไว้กับธนาคารใช้ฌาปนกิจศพของผู้ตาย ส่วนที่เหลือให้นำถวายวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย หาได้มีข้อความตอนใดระบุชื่อวัดผู้ร้องเป็นผู้รับพินัยกรรมของผู้ตายไม่การที่ พ. ผู้จัดการมรดกคนเดิมของผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้ว่าจะรวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตายถวายวัดผู้ร้องยังไม่ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่ผู้ร้องที่จะเรียกเอาทรัพย์มรดกรายนี้ได้ตามกฎหมายผู้ร้องจึงไม่ใช้ผู้มีสิทธิที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว
การวินิจฉัยถึงสิทธิของผู้ร้องว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายย่อมเป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีแล้วว่าผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ ไม่ใช่กรณีที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่คืนค่าขึ้นศาลให้แก่ผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5022/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ศาลต้องคำนึงถึงความสุจริตและประโยชน์ของกองมรดกเป็นสำคัญ แม้ไม่มีผู้คัดค้าน
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ถึงแม้ไม่มีผู้คัดค้านคำร้องของผู้ร้อง และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ก็ตามแต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องไม่มีความสุจริตใจในการรักษาผลประโยชน์ในทรัพย์สินให้แก่ผู้รับพินัยกรรมของเจ้ามรดก จึงไม่เหมาะสมที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5022/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงความสุจริตและประโยชน์สูงสุดของกองมรดก แม้ไม่มีผู้คัดค้าน
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ถึงแม้ไม่มีผู้คัดค้านคำร้องของผู้ร้อง และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ก็ตามแต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องไม่มีความสุจริตใจในการรักษาผลประโยชน์ในทรัพย์สินให้แก่ผู้รับพินัย กรรมของเจ้ามรดก จึงไม่เหมาะสมที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5022/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาความสุจริตและประโยชน์แก่กองมรดก
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจ คำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ถึงแม้ไม่มีผู้คัดค้านคำร้องของผู้ร้อง และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1718 ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องไม่มีความสุจริตใจในการรักษาผลประโยชน์ในทรัพย์สินให้แก่ผู้รับพินัยกรรมของเจ้ามรดก จึงไม่เหมาะสมที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3719/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการตั้งผู้จัดการมรดก: ผู้มีส่วนได้เสียจำกัดเฉพาะทายาทและผู้ร้องขอเท่านั้น
คดีร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก ประเด็นแห่งคดีมีว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่เท่านั้น ดังนี้การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าทรัพย์ตามคำร้องเป็นของ จ. ตกทอดแก่ผู้คัดค้านจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นชอบที่ผู้คัดค้านจะไปดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้
of 50