คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 104

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 629 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดสืบพยานและดุลพินิจในการยุติข้อเท็จจริง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104ศาลมีอำนาจงดสืบพยานจำเลยได้ในเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะให้ฟังเป็นยุติได้แล้ว
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดสืบพยาน: ดุลพินิจศาลในการวินิจฉัยความเพียงพอของพยานหลักฐาน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ศาลมีอำนาจงดสืบพยานจำเลยได้ในเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะให้ฟังเป็นยุติได้แล้ว
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิม แม้จะมีการจ่ายเงินตามระเบียบใหม่แล้ว ก็ไม่มีมูลหนี้เรียกร้องเพิ่มเติม
แม้โจทก์จำเลยแถลงว่า ต่างไม่สืบพยานบุคคล ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีต่อไปโดยอาศัยเอกสารที่ส่งไว้ต่อศาลแต่เมื่อโจทก์แถลงต่อไปว่าจะขอให้ศาลหมายเรียกเอกสารอื่นมาประกอบการพิจารณาของศาลอีกและจำเลยก็แถลงว่ายังติดใจส่งเอกสารจำนวนหนึ่งต่อศาลอีกเช่นเดียวกัน ดังนี้แสดงว่าคู่ความประสงค์ให้ศาลนำเอกสารที่คู่ความขอให้เรียกมาหรือส่งไว้ในสำนวนมาประกอบการพิจารณาด้วยหาใช่เพียงแต่พิจารณาจากเอกสารที่ส่งไว้แต่เดิมไม่
ภายหลังจากที่โรงงานกระสอบป่าน กรมโรงงานอุตสาหกรรมจำเลยที่ 1 ประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำฉบับที่ 1 พ.ศ. 2521 แล้ว ประธานกรรมการอำนวยการจำเลยที่ 1 ได้ออกคำชี้แจงแก่พนักงานและคนงานว่าระเบียบดังกล่าวใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นต้นไปพนักงานและคนงานประจำที่ได้บรรจุเข้าทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521. ต้องมีสิทธิในเรื่องเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานและเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ออกระเบียบว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2521 ให้พนักงานและคนงานประจำที่ได้บรรจุเข้าทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521 คงมีสิทธิในเรื่องเงินชดเชยและเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมอีก ดังนี้ย่อมฟังได้ว่าก่อนที่จะมีระเบียบโรงงานกระสอบป่านกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำฉบับที่ 1 พ.ศ. 2521 นั้น ได้มีระเบียบเดิมให้พนักงานและคนงานประจำได้รับเงินบำเหน็จอยู่แล้ว โจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2517 การรับเงินบำเหน็จของโจทก์จึงต้องเป็นไปตามระเบียบเดิม เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินบำเหน็จจากจำเลย มีจำนวนเท่ากับเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับจึงไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะเรียกร้องเงินตามระเบียบเดิมอีก ไม่ต้องวินิจฉัยว่าระเบียบเดิมนั้นคือระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ.2519 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิม แม้มีการจ่ายตามระเบียบใหม่แล้ว หากจำนวนเงินเท่ากัน สิทธิเรียกร้องไม่เกิดขึ้น
แม้โจทก์จำเลยแถลงว่า ต่างไม่สืบพยานบุคคล ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีต่อไปโดยอาศัยเอกสารที่ส่งไว้ต่อศาลแต่เมื่อโจทก์แถลงต่อไปว่าจะขอให้ศาลหมายเรียกเอกสารอื่นมาประกอบการพิจารณาของศาลอีกและจำเลยก็แถลงว่ายังติดใจส่งเอกสารจำนวนหนึ่งต่อศาลอีกเช่นเดียวกัน ดังนี้แสดงว่าคู่ความประสงค์ให้ศาลนำเอกสารที่คู่ความขอให้เรียกมาหรือส่งไว้ในสำนวนมาประกอบการพิจารณาด้วย หาใช่เพียงแต่พิจารณาจากเอกสารที่ส่งไว้แต่เดิมไม่
ภายหลังจากที่โรงงานกระสอบป่าน กรมโรงงานอุตสาหกรรมจำเลยที่ 1ประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำฉบับที่ 1 พ.ศ.2521 แล้ว ประธานกรรมการอำนวยการจำเลยที่ 1 ได้ออกคำชี้แจงแก่พนักงานและคนงานว่าระเบียบดังกล่าวใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521เป็นต้นไปพนักงานและคนงานประจำที่ได้บรรจุเข้าทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521. ต้องมีสิทธิในเรื่องเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานและเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ออกระเบียบว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำ ฉบับที่ 2พ.ศ.2521 ให้พนักงานและคนงานประจำที่ได้บรรจุเข้าทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่1 กุมภาพันธ์ 2521 คงมีสิทธิในเรื่องเงินชดเชยและเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมอีก ดังนี้ย่อมฟังได้ว่าก่อนที่จะมีระเบียบโรงงานกระสอบป่านกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพนักงานและคนงานประจำฉบับที่ 1 พ.ศ.2521 นั้น ได้มีระเบียบเดิมให้พนักงานและคนงานประจำได้รับเงินบำเหน็จอยู่แล้ว โจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2517 การรับเงินบำเหน็จของโจทก์จึงต้องเป็นไปตามระเบียบเดิม เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินบำเหน็จจากจำเลย มีจำนวนเท่ากับเงินบำเหน็จตามระเบียบเดิมที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับจึงไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะเรียกร้องเงินตามระเบียบเดิมอีก ไม่ต้องวินิจฉัยว่าระเบียบเดิมนั้นคือระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ.2519หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการพิสูจน์เจตนาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ จำเลยทราบคำบังคับแล้วมิได้ปฏิบัติ โจทก์ยื่นคำร้องให้จับกุมจำเลยเพื่อให้ปฏิบัติ ตามคำบังคับ ดังนี้คดีมีข้อต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริต จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหากจำเลยกระทำการโดยสุจริตจำเลยจะสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งจะต้องไต่สวนฟังพยานให้ประจักษ์ก่อนจึงจะวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงแต่เพียงว่าบ้านดังกล่าวถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีอื่น แล้ววินิจฉัยว่าเป็นการนอกเหนืออำนาจที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำพิพากษาคดีนี้ได้ โดยไม่ไต่สวนฟังพยานในข้อเท็จจริงว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร, สิทธิของเจ้าของทรัพย์สินที่เสียภาษีถูกต้อง, และการติดตามเอาคืนจากผู้ซื้อโดยสุจริต
รถยนต์รายพิพาทผู้นำเข้าเสียอากรนำเข้าถูกต้องแล้ว โจทก์รับประกันภัยไว้ รถคันนี้ถูกคนร้ายลักไป โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วรับโอนไว้จากผู้เอาประกันภัย ซึ่งชำระค่าเช่าซื้อรถครบถ้วนแล้ว เจ้าพนักงานศุลกากรของจำเลยจับรถได้ หาว่านำเข้ามาโดยไม่เสียภาษีอากรแล้วขายต่อไป จำเลยสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่ตรวจสอบว่าเป็นรถที่เสียอากรแล้วหรือไม่ เป็นประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 25 ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2497 คำว่าสิ่งใด ๆ ที่พึงต้องริบ นำมาใช้แก่รถยนต์ที่เสียอากรแล้วไม่เป็นสิ่งที่พึงริบ ไม่ได้ แม้เกิน 30 วัน โจทก์ก็เรียกคืนได้ จำเลยซื้อรถโดยสุจริต แต่มิใช่จากการขายทอดตลาด ไม่มีสิทธิดีกว่าโจทก์
เอกสารภาพถ่ายหนังสือของสำนักงานทะเบียนว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลไม่มีเจ้าหน้าที่รับรองว่าถูกต้อง แต่มีพยานบุคคลเบิกความว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล
กรมธรรม์ประกันภัยมิได้ปิดอากรแสตมป์ แต่คดีนี้มิใช่กรณีบังคับระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย เป็นเรื่องผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิมาฟ้องคนภายนอก ไม่อยู่ในบังคับต้องมีเอกสารมาแสดงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 คำพยานบุคคลของโจทก์ฟังได้โดยไม่ต้องอาศัยเอกสาร
บริษัทเป็นผู้เอาประกันภัยโดยผู้เช่าซื้อรถเป็นผู้แทน แม้ไม่มีหนังสือตั้งตัวแทนตามมาตรา 798 แต่มิใช่เป็นคดีระหว่างบริษัทกับผู้ทำการแทนว่าผู้ทำการแทนเป็นตัวแทนนำรถยนต์ มาเอาประกันภัยกับโจทก์หรือไม่โจทก์ไม่ต้องมีเอกสารตั้งตัวแทนมาแสดง
ผู้เช่าซื้อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ได้กรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแล้วมอบสิทธิในรถยนต์แก่โจทก์ แม้กรรมการของโจทก์คนเดียวลงลายมือชื่อรับมอบรถ กรรมการไม่ครบ 2 คนตามข้อบังคับ และไม่ปิดอากรแสตมป์ในใบรับมอบรถ คำพยานบุคคลก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้รับรถเป็นของโจทก์แล้วและไม่ใช่คดีพิพาทกันตามสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่ต้องนำสัญญาเช่าซื้อมาแสดง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินมรดกและการครอบครองปรปักษ์ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสัดส่วนการถือครองและอายุความครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า'ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน' นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใดมีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมสิทธิครอบครองและส่วนแบ่งที่ดิน: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสัดส่วนการถือครอง แม้ไม่มีระบุในโฉนด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า "ท่านใหัสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน" นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใด้มีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากขาดการครอบครองต่อเนื่องและการเข้าครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506 - 2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8 - 9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกล่าวของเจ้าพนักงานว่าเป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้น โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาให้คำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากการทิ้งร้างและการครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506-2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8-9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกกล่าวของเจ้าพนักงานว่า เป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้นโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่
of 63