คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 439

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2848/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการทำรถยนต์เสียหาย และการชดใช้ค่าเสียหายในสัญญาเช่าซื้อ
ค่าเช่าซื้อนั้นมีราคารถยนต์รวมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง มิใช่ค่าเช่าหรือค่าใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียว เมื่อรถยนต์สูญหายนอกจากจะทำให้ผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รับรถยนต์คืนหรือไม่ได้รับค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ยังทำให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไม่อาจได้รับกรรมสิทธิ์รถยนต์หากชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนด้วย แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองผู้ซ่อมแซมรถยนต์แล้วรถยนต์สูญหายไปได้ชดใช้เงินให้แก่บริษัทประกันภัยที่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อไป กับให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไปอีก 80,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อคำนึงถึงค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไปงวดละ 13,905 บาท รวม 16 งวด แต่โจทก์ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเพียง 80,000 บาท ประกอบด้วยแล้ว เห็นได้ว่า โจทก์ยังคงได้รับความเสียหายอยู่อีก จำเลยทั้งสองจึงยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์อีกด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้แก่โจทก์เพิ่มอีก 50,000 บาท นั้น เหมาะสมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อของช่างซ่อมรถ การประกอบสปริงเบรคผิดวิธีเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
โจทก์นำรถยนต์คันพิพาทไปซ่อมเบรกที่ศูนย์บริการของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างและช่างผู้ชำนาญของจำเลยที่ 1 ได้พบเห็นการติดตั้งสปริงรั้ง ก้ามเบรกผิดวิธี แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้รถยนต์คันพิพาทเบรกแตกตกลงข้างทางได้รับความเสียหาย และโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรง เช่นผู้มีอาชีพอย่างจำเลยที่ 2 พึงปฏิบัติ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลละเมิดที่เกิดขึ้น เมื่อรถยนต์คันพิพาทไม่สามารถใช้ได้ และโจทก์ได้ขอค่าเสียหายรถยนต์คันพิพาทเต็มจำนวน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะใช้รถยนต์คันพิพาทอีกต่อไป ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์คันพิพาทจึงไม่เกิดขึ้นโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในละเมิดจากลักทรัพย์และการฟ้องซ้ำในคดีแพ่ง
จำเลยใช้คนลักไม้ของโจทก์ไปศาลลงโทษจำเลยแล้วไม้เป็นของกลางอยู่ที่สถานีตำรวจถูกไฟไหม้หมด จำเลยทำละเมิดตั้งแต่วันลักไม้เมื่อจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าแม้จะไม่ละเมิดก็ยังเสียหายอยู่นั่นเองจำเลยต้องรับผิด
ในคดีอาญาอัยการขอเพียงให้ศาลส่งคืนไม้ของกลางที่จำเลยใช้คนลักไปส่วนคำขอส่วนแพ่งให้ใช้ราคาในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องเองศาลจำหน่ายเพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลโจทก์ฟ้องคดีแพ่งใหม่เรียกราคาไม้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยไม่ยื่นบัญชีพยานตามกำหนดอ้างว่าเพราะตัวจำเลยไม่แจ้งวันนัดแก่ทนายจำเลย เป็นความผิดของจำเลยเองศาลไม่รับระบุพยานชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและการเสียหายจากเหตุสุดวิสัย ไม่ถือเป็นการละเมิด
แจ้งความว่าฝากทรัพย์ไว้แล้วเขาไม่คืนให้ เขาถูกจับฟ้องร้องแต่การถูกจับฟ้องร้องนั้นมิใช่เพราะจำเลยเอาความเท็จไปแจ้ง ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย มาตรา 439 ใช้บังคับเฉพาะผู้เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปด้วยการละเมิด จำเลยแจ้งความแล้วเจ้าพนักงานมายึดทรัพย์ของโจทก์ไปเป็นของกลางแล้วของกลางถูกไฟไหม้โดยเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและการรับผิดในความเสียหายจากเหตุสุดวิสัย ศาลตัดสินว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด
แจ้งความว่าฝากทรัพย์ไว้แล้วเขาไม่คืนให้ เขาถูกจับฟ้องร้องแต่การถูกจับฟ้องร้องนั้นมิใช่เพราะจำเลยเอาความเท็จไปแจ้ง ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย
ม.439 ใช้บังคับฉะเพาะผู้เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปด้วยการละเมิด
จำเลยแจ้งความแล้วเจ้าพนักงานมายึดทรัพย์ของโจทก์ไปเป็นของกลางแล้วของกลางถูกไฟไหม้โดยเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิด