พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานเบิกความโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานก่อนหน้า ศาลต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือและอาจไม่รับฟังได้
การที่พยานฟังคำเบิกความของพยานคนก่อน ซึ่งได้เบิกความต่อหน้าตนแล้ว แม้จะเป็นคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 114ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15เพราะโดยเจตนารมณ์ของกฎหมาย หากพยานที่เบิกความภายหลังได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนมาแล้วไม่ว่าจะเป็นคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือชั้นพิจารณา ผลก็คืออาจทำให้คำพยานที่เบิกความภายหลังไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน กรณีจึงใช้บังคับได้ทั้งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณา แม้ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะมิได้บังคับมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความพยานที่เบิกความภายหลังซึ่งได้ฟังคำเบิกความของพยานตนก่อนก็ตาม แต่หากปรากฏว่า คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังอาจเปลี่ยนแปลงไปโดยฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนหรือสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้ คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังก็เป็นการผิดระเบียบ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อฟังได้ และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ต้องคัดค้านก่อนที่จะมีการนำพยานเข้าสืบเพราะเมื่อยังไม่ปรากฏว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ก็ต้องให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ และกรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับที่บัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 วรรคสองประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่อาจมีอิทธิพลจากคำเบิกความของพยานก่อนหน้า ศาลต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือ
การที่พยานฟังคำเบิกความของพยานคนก่อน ซึ่งได้เบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แม้จะเป็นคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 114 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 เพราะโดยเจตนารมณ์ของกฎหมายหากพยานที่เบิกความภายหลังได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนมาแล้วไม่ว่าจะเป็นคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือชั้นพิจารณา ผลก็คืออาจทำให้คำพยานที่เบิกความภายหลังไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน กรณีจึงใช้บังคับได้ทั้งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณา
แม้ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะมิได้บังคับมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความพยานที่เบิกความภายหลังซึ่งได้ฟังคำเบิกความของพยานตนก่อนก็ตาม แต่หากปรากฎว่า คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังอาจเปลี่ยนแปลงไปโดยฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนหรือสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังก็เป็นการผิดระเบียบ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อฟังได้ และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ต้องคัดค้านก่อนที่จะมีการนำพยานเข้าสืบเพราะเมื่อยังไม่ปรากฎว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ก็ต้องให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ และกรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับที่บัญญัติใน ป.วิ.พ. มาตรา 95 วรรคสอง ประกอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 15
แม้ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะมิได้บังคับมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความพยานที่เบิกความภายหลังซึ่งได้ฟังคำเบิกความของพยานตนก่อนก็ตาม แต่หากปรากฎว่า คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังอาจเปลี่ยนแปลงไปโดยฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนหรือสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้คำเบิกความของพยานที่เบิกความภายหลังก็เป็นการผิดระเบียบ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อฟังได้ และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ต้องคัดค้านก่อนที่จะมีการนำพยานเข้าสืบเพราะเมื่อยังไม่ปรากฎว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ก็ต้องให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ และกรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับที่บัญญัติใน ป.วิ.พ. มาตรา 95 วรรคสอง ประกอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่ได้ยินคำเบิกความของพยานก่อนหน้า: หลักการผิดระเบียบและผลต่อการรับฟัง
การที่ น. พยานฟังคำเบิกความของ ว. ซึ่งได้เบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แม้จะเป็นการเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องกรณีก็ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 114ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แม้มาตรา 114 จะมิได้เป็นการบังคับมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความของ น.ซึ่งได้ฟังคำเบิกความของ ว. มาแล้วก็ตาม แต่หากปรากฏว่าคำเบิกความของ น. อาจเปลี่ยนแปลงไปโดยฟังคำเบิกความของ ว.หรือสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้ คำเบิกความของ ว. ก็เป็นการผิดระเบียบ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อฟังได้เมื่อปรากฏว่า น. เบิกความโดยรู้เห็นเหตุการณ์ร่วมกับ ว.ดังนั้น คำเบิกความของ น. จึงอาจเปลี่ยนแปลงไปโดยฟังคำเบิกความของ ว. และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้เป็นคำเบิกความที่ผิดระเบียบ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อฟังได้กรณีดังกล่าวจำเลยไม่ต้องคัดค้านก่อนที่โจทก์จะนำน.เข้าสืบเพราะเมื่อยังไม่ปรากฏว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ก็ต้องให้พยานเบิกความไปก่อน เพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยาน: 'พยานคนก่อน' หมายถึงพยานฝ่ายเดียวกันเท่านั้น
คำว่า "พยานคนก่อน" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 114 หมายความถึงเฉพาะพยานฝ่ายของตนเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าส. พยานจำเลยที่ 2 นั่งฟังพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1ก่อนเข้าเบิกความ จึงมิใช่การเบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนคำเบิกความของ ส. ไม่เป็นการผิดระเบียบและรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4131/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองบริษัท, สัญญาค้ำประกัน, ตัวแทนช่วง, การบอกกล่าวบังคับจำนอง, การรับคำเบิกความ
หนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นเอกสารมหาชนแม้จะเป็นสำเนาแต่เจ้าพนักงานก็รับรองความถูกต้องจึงรับฟังได้ ส่วนหนังสือรับรองท้ายฟ้องโจทก์มีข้อความตรงกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทสาขาหาใช่หนังสือรับรองสาขาโจทก์ การที่ปรากฏข้อความแสดงที่ตั้งของสำนักงานโจทก์การที่ปรากฎข้อความแสดงที่ตั้งของสำนักงานโจทก์ต่าง จึงไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะเป็นเอกสารที่โจทก์อ้างประกอบคำฟ้องแสดงฐานะและอำนาจกรรมการของโจทก์เท่านั้น
เมื่อสัญญาค้ำประกันระบุว่าจำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 3 จึงไม่อาจต่อสู้โจทก์บังคับชำระหนี้เอาแก่จำเลยที่ 1 ก่อนได้
ตามหนังสือมอบอำนาจให้ อ.ผู้รับมอบอำนาจตั้งตัวแทนช่วงเพื่อดำเนินการแทนได้ ซึ่งรวมถึงการบอกกล่าวบังคับชำระหนี้เอาแก่จำเลยทั้งสามตามสัญญา แม้ อ.มอบอำนาตจโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์รับเอาการกระทำของ ธ.ตัวแทนช่วงแล้วถือได้ว่าให้ส้ตยาบันตาม ป.พ.พ. มาตรา 823และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
การที่ ธ.เบิกความภายหลังพยานโจทก์ปากอื่นเบิกความไปแล้วก็ปรากฏว่า โจทก์อ้าง ธ.เป็นพยานโจทก์เอาไว้และนำเข้าสืบตามกระบวนพิจารณาคำเบิกความของ ธ.รับฟังได้เพียงใดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ไม่มีเหตุจะให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาส่วนนี้ได้
ที่ ธ.มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยทั้งสามปรากฏว่าคนใช้และคนในบ้านของจำเลยทั้งสามเป็นผู้รับ ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสามได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว
เมื่อสัญญาค้ำประกันระบุว่าจำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 3 จึงไม่อาจต่อสู้โจทก์บังคับชำระหนี้เอาแก่จำเลยที่ 1 ก่อนได้
ตามหนังสือมอบอำนาจให้ อ.ผู้รับมอบอำนาจตั้งตัวแทนช่วงเพื่อดำเนินการแทนได้ ซึ่งรวมถึงการบอกกล่าวบังคับชำระหนี้เอาแก่จำเลยทั้งสามตามสัญญา แม้ อ.มอบอำนาตจโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์รับเอาการกระทำของ ธ.ตัวแทนช่วงแล้วถือได้ว่าให้ส้ตยาบันตาม ป.พ.พ. มาตรา 823และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
การที่ ธ.เบิกความภายหลังพยานโจทก์ปากอื่นเบิกความไปแล้วก็ปรากฏว่า โจทก์อ้าง ธ.เป็นพยานโจทก์เอาไว้และนำเข้าสืบตามกระบวนพิจารณาคำเบิกความของ ธ.รับฟังได้เพียงใดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ไม่มีเหตุจะให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาส่วนนี้ได้
ที่ ธ.มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยทั้งสามปรากฏว่าคนใช้และคนในบ้านของจำเลยทั้งสามเป็นผู้รับ ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสามได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่นั่งฟังการเบิกความของพยานก่อนหน้า: ศาลมีอำนาจดุลพินิจ
การที่พยานโจทก์คนที่สองนั่งฟังพยานโจทก์คนแรกเบิกความในห้องพิจารณาคดีนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา114 วรรคสอง ให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์คนที่สองได้หากเห็นว่า คำเบิกความนั้นเป็นที่เชื่อฟังได้หรือมิได้เปลี่ยนแปลงโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนหรือไม่สามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดเปลี่ยนแปลงไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่ได้ฟังคำเบิกความของพยานก่อนหน้า: ดุลพินิจศาลและการไม่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 114 วรรคสอง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15เป็นดุลพินิจของศาลที่จะรับฟังคำเบิกความของพยานที่เบิกความโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนได้ หากศาลเห็นว่าคำเบิกความเช่นว่านั้น เป็นที่เชื่อฟังได้ หรือมิได้เปลี่ยนแปลงโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อน หรือไม่สามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดเปลี่ยนแปลงไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังจดทะเบียนสมรส: สิทธิของคู่สมรสในทรัพย์สินที่ได้มาในช่วงชีวิตสมรส
โจทก์จำเลยและจำเลยร่วมท้ากันให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวโดยไม่สืบพยานว่า จำเลยมีสิทธิจะไม่ขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายเพราะไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยร่วมหรือไม่ โดยคู่ความแถลงรับกันว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมาก่อนจดทะเบียนสมรสกับจำเลยร่วม อันถือได้ว่าคู่ความสละประเด็นข้ออื่นในคดีแล้ว จำเลยและจำเลยร่วมจะโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันมาในฐานะหุ้นส่วน จำเลยร่วมจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการตั้งเป็นประเด็นใหม่นอกคำท้าอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่เบิกความโดยฟังคำพยานก่อนหน้า ศาลมีดุลพินิจพิจารณาความน่าเชื่อถือได้
กรณีที่พยานคนใดเบิกความโดยฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แม้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าศาลไม่ควรฟังคำเบิกความเช่นว่านี้เพราะเป็นการผิดระเบียบ ก็มิได้เป็นการบังคับมิให้ศาลรับฟังคำพยานดังกล่าวโดยเด็ดขาด เมื่อยังไม่ปรากฏว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ จึงสมควรให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ ยังไม่ควรงดสืบพยานเช่นนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความของพยานที่ได้ฟังคำเบิกความของพยานก่อนหน้า ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจในการรับฟัง
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 114 มิได้บังคับโดยเด็ด ขาดมิให้ศาลรับฟังคำพยานซึ่งเบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แต่เป็นการให้ศาลใช้ดุลพินิจ ในการรับฟังคำพยานดังกล่าวได้และหามีบทบัญญัติใดบังคับไว้เด็ด ขาดห้ามมิให้สืบพยานที่ได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนไม่.